1. อย่ าติใคร ต่อหน้าคนอื่น
ไม่มีใครชอบการถูกตำห นิค่ะ เราก็เช่นกันใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งโดนด่าต่อหน้าคนอื่น
ด้วยแล้วล่ะก็ มันช่างเ จ็ บ แค้นแสนสาหัสเสี ยเหลือเกินจริง ๆ การด่าใครต่อหน้า
คนอื่นมันเป็นการตั้งใจฉีกหน้าเค้าให้พังยับชนิดที่เรียกว่า
คนที่โดนด่านั้นจะจำฝังใจไปจนวัน ต า ย เลยทีเดียว และความสัมพันธ์ระหว่างคุณ
และเค้าจะเสี ยไปในทันที สุดท้ายแล้วไม่มีฝ่ายไหนชนะ ไม่มีใครได้ประโยชน์จาก
การทำแบบนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่ใช่เรื่องที่มีผลกระทบต่อส่วนรวมแนะนำว่า
ไม่ควรทำอย่ างยิ่งค่ะ
2. มองให้ได้ 3 มุม
การพูดเป็นดั่งดาบ 2 คม ไม่ทิ่มแ ท ง เค้า ก็ย้อนกลับมาแ ท ง ที่ตัวเราเอง “สติ”
อย่ างเดียวอาจไม่พอ คุณต้องฝึกกระบวนการการคิดอย่ างมีสติและวิเค ราะห์
ไปพร้อม ๆ กันด้วยค่ะ
ดูว่าธรรมชาติของเค้าเป็นคนอย่ างไร เรื่องไหนควรพูด เรื่องไหนไม่ควรพูด
แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น ทุ กครั้งถ้าจะมีการตำหนิ ตัดเตื อน แก้ไขข้อผิ ดพลาด
ของงาน ให้ลองมองให้ได้ 3 มุม
1. มุมของเรา :
เรามองว่าอย่ างไร ในตำแหน่ง หน้าที่เรา เราควรมองแบบไหน
แก้ปัญหาอย่ างไร
2. มุมของเค้า :
ถ้าเราเป็นเค้าเราจะทำอย่ างไร ถ้าเราต กอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
โดนแบบนี้เหมือนกันเราจะรู้สึกอย่ างไร แล้วเราจะแก้ปัญหานั้นแบบไหน
3. มุมของบุคคลที่3
หรือคนอื่น ๆ ที่มองดู 2 คนนี้อยู่ : เค้าทำอะไรกัน ปัญหาคืออะไร เล็ก
ใหญ่แค่ไหน ขนาดที่จะต้องทะเลาะกันเลยอย่ างนั้นหรือ
ทะเลาะด้วยเรื่องนี้เหตุผลมาจากอะไร เป็นต้นถ้าคุณมองให้ได้ครบทุ กมุม
คุณจะมองเห็นทุ กด้านของความคิด เข้าใจเค้า เข้าใจเรา เข้าใจสถานการณ์
ที่เกิดมากขึ้น
3. มีศิลปการชม
ชมเมื่อเค้าทำดี ทำงานได้ดี ช่วยเหลือผู้อื่น มีผลงานที่ดี ทำตัวดี คุณก็ควรชม
เค้าด้วยใจที่ปรารถนาดี คำพูด คำจา น้ำเ สียงที่ดี หน้าตาปลื้มปิติพลอยยินดี
ไปกับเค้าด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อความรู้สึกมากนะคะ คนที่ถูกชมเค้า
จะเหมือนได้รับของขวัญพิเศษจากคุณ ทำให้มีแรงผลักดัน มีพ ลั ง
ที่จะทำสิ่งนั้นให้ดียิ่ง ๆขึ้นไป
การมีศิลปการชมที่ดีนั้น ไม่จำเป็นจะต้องชมที่ผลงานของเค้าเท่านั้นค่ะ
อย า กให้ลองชมความน่ารักของเค้า ความมีน้ำใจ ความเอาใจใส่ที่เค้า
มีต่อคุณ ชมเครื่องแต่งกาย
ชมพาหนะ ชมกระเป๋าถือเค้า หรือสิ่งรอบ ๆ ตัวเค้า เพียงเท่านี้ก็เป็นการสร้าง
ความสุขให้เค้าได้แล้ว และเค้าจะเกิดภาคภูมิใจเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
แล้วเขาจะรักเรา แม้เคยเป็นศั ต รู กันโกรธไม่มองหน้ากันก็จะหายโกรธเราค่ะ
ลองดูนะคะ
4. ฝึกพูด คำว่า “ไม่” แล้วชีวิตคุณจะ “ใช่”
เพราะคำว่า “ไม่” มันพูดให้ดูดีย า ก พูดให้ความหมายเป็นบวกได้ย า กมาก
คำบางคำเป็นคำที่มักนำมาใช้ทำร้ า ย จิตใจคนอื่น แสดงถึงความไม่พอใจ
ในตัวเขาหรืองานของเขา หลายคนใช้คำนี้จนติ ดเป็นนิสัยซึ่ง
ไม่เป็นผลดีกับตัวคุณเองเลยล่ะค่ะ อย า กให้ลองเปลี่ยนวิ ธีใช้มันดูนะคะ เช่น
“ลองทำแบบนี้ดูดีไหม” “แบบนี้ก็ดีนะ ถ้าเพิ่มส่วนนี้อีกหน่อยคุณคิดว่าจะเป็นยังไงคะ”
แปลว่า เราไม่ได้ปฏิเสธความคิดของอีกฝ่ายแต่ลองแนะนำเพิ่มเติมเสมือนการชี้แนะเขา
5. เริ่มประโยค ด้วยความเป็นกันเอง
อาจจะเป็นการไต่ถามส า ร ทุ กข์สุกดิบด้วยความห่วงใยและใส่ใจในคำตอบ
ของเขา อย่ าลืมใช้คให้ำสุภาพ เหมาะสม และนุ่มนวลด้วยนะคะ
“เป็นยังไงบ้ า งหยุดย า วที่ผ่ านมา
ไปเที่ยวไหนมาบ้ า งคะ” การใช้ความเป็นกันเองจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่ อ น คลาย
และเป็นมิตรด้วยนะคะ อีกเรื่องคืออวัจนะภาษาค่ะ ลักษณะท่าทางการพูด
ที่ถูกถ่ายทอดออก
มาระหว่างด วงตาเราหรือการสัมผัสบางอย่ างเช่น การแตะไหล่เพื่อให้กำลังใจ
การจับมือเพื่อปลอบปะโลม ปรบมือให้เพื่อให้กำลังใจ ก็เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณ
และเค้าเข้าถึงกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณที่มา : jingjai999