1. คุณมีทัศคติที่ไม่ดีกับคนร วย
ซึ่งการมีทัศคติที่ไม่ดีกับคนร วยนั้น คุณอาจจะรับรู้จากสื่อมีเดียต่าง ๆ ผ่ านทางโฆษณา
ละคร ภาพยนตร์ ว่าตัวโกงมักจะเป็นคนร วยอยู่เสมอ
หรือไม่คุณก็ไม่ยินมาจากครอบครัว เพื่อนฝูง ว่าคนร วยไม่ดี คนร วยตะหนี่ขี้เหนียว
คนร วยเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น คนร วยเป็น ค น เ ล ว ทั้งนั้น และร้อยทั้งร้อยกับคนที่
พูดหรือคิดในทำนองนี้
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนถังแต กกันแทบทั้งสิ้น เพราะจริง ๆ แล้ว เงิ นเปรียบเสมือน
เครื่องมือชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้แสดงตนหรือ ส่ ง ส า ร ของผู้ใช้ไปได้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น
ซึ่งหากคนใช้เป็นคนไม่ดี เงิ นก็จะช่วยให้พวกเขาทำเรื่องไม่ดีได้อย่ างมหาศาล
แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ใช้เงิ นเป็นคนดี เ งินก็จะทำให้พวกเขาทำดีได้อย่ างมหาศาลเช่นกัน
ซึ่งคำถามแรกที่คุณควรถามกับตนเองก่อนก็คือ “คนร วยเป็นคนไม่ดีจริง ๆ หรือ?”
และหากคำตอบของคุณคือ คนร วยเป็นคนไม่ดี ชาตินี้คุณก็จะไม่มีวันร วย
2. คุณคิดว่า เงิ นนั้นไม่สำคัญต่อชีวิตสักเท่าไหร่นัก
คุณคงเคยได้ยินประโยคสุดคลาสสิคที่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการพูดถึงเรื่องเงิ นคือ “เ งินไม่ใช่
ทุ กสิ่งทุ กอย่ างในชีวิต”หรือ “เ งินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับชีวิตของฉัน” และคนส่วนใหญ่
ที่พูดและคิดในทำนองนี้ก็คือ คนที่ไม่มีเงิ น ซึ่งถูกส่วนหนึ่ง เพราะเงิ นไม่ใช่ทุ กสิ่งทุ กอย่ างในชีวิต
แต่เงิ นสำคัญต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะในโลกมนุษย์นี้
เพราะการเ งินทำให้โลกก้าวไปข้างหน้า การมีเงิ นทำให้คุณสามารถดูแลครอบครัวและคนที่คุณรักได้
การมีเงิ นทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย การมีเงิ นทำให้คุณอยู่อย่ างสุขสบาย ซึ่งตัวเงิ นจริง ๆ
นั้น มันมีหน้าที่เปรียบเสมือนกับเครื่องมืออย่ างหนึ่งที่ช่วยทำให้อะไร ๆ
ต่อมิอะไรบนโลกใบนี้ทำได้ง่ายยิ่งขึ้นทีนี้ หากคุณยังนึกภาพไม่ออกว่าไ อ้การที่พูดหรือคิดว่า
“เงิ นมันไม่สำคัญต่อชีวิตฉันเลยสักกะนิด”
โดยให้ลองเปลี่ยนการพูดแบบนี้กับเ งินไปพูดกับคนที่คุณรักดู ไม่ว่าจะเป็น แฟน เพื่อน ครอบครัว
แล้วพูดกับพวกเขาว่า “เธอไม่สำคัญกับชีวิตฉันเลยสักกะนิด”
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็จะตีออกห่างจากคุณ และเช่นเดียวกันกับกรณีของเ งิน
หากพูดหรือคิดเช่นนั้นกับเ งินสุดท้ายแล้ว เงิ นก็เลือกที่จะอยู่กับคุณไม่นานแล้วพวกมันก็จากไป
และในท้ายที่สุด คุณก็ได้กลายเป็นคนไม่มีเ งินสมใจ
3. เพราะในโรงเรียนไม่เคยสอนคุณในเรื่องการเ งินและความมั่งคั่งเลย
วิชาแรก ๆ ที่คุณนึกถึงเมื่อตอนที่เข้าเรียนคือวิชาอะไรกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์, เคมี,
ชี ว ะ วิ ท ย า, ฟิสิกส์ ฯลฯ
แต่กลับไม่พบเลยว่าในหลักสูตรมีการบรรจุเรื่องของ การเ งิน, ความมั่งคั่ง,
ก า ร ล ง ทุ น ฯลฯ ทั้ง ๆ ที่วิชาในกลุ่มหลังนี้
เมื่อทุ กคนเรียนจบไปแล้ว ต้องพบเจอกับมันแทบทั้งสิ้นแต่ในขณะที่วิชากลุ่มแรก
หลายคนบ่นเป็นเ สียงเดียวกันว่า “ตรูเรียนมาทำไมฟร๊ะ! ไม่เห็นได้ใช้สักกะติ๊ ด”
เหตุผลเพราะ ระบบการศึกษาในโรงเรียนนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้คนเล่นเกมชีวิตแบบรัดกุม
และจบมาเพื่อเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ ทำตามคำสั่ง
กฏระเบียบของที่ทำงานเป็นอย่ างดี โดยคุณจะสังเกตได้อย่ างชัดเจนว่า คนที่เรียนเก่ง ๆ
เรียนจบสูง ๆ แต่กลับไม่ร วยสักกะที
เช่น ศาตราจารย์, ด็ อกเตอร์หรือคุณครู หรือคนเก่ง ๆ ที่เข้าไปทำงานในองค์กรใหญ่ ๆ
กลับเป็นลูกน้องของคนที่เรียนโคต รห่ วยในโรงเรียน
(แต่พวกเขาฉลาดมากในการเรียนรู้นอกห้องเรียนและในชีวิตจริง) นั่นเพราะหลักสูตร
ในโรงเรียนไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสอนให้คนมีความมั่งคั่งนั่นเอง
4. คุณไม่เคยถูกสอนให้หาเงิ นจากช่องทางอื่นเลยนอกจากงานประจำ
คำสอนที่เรามักจะคุ้นเคยกับที่ครอบครัวสอนกันมาก็คือ ตั้งใจเรียน เรียนเก่ง ๆ ทำเกรดให้ได้ดี ๆ
เพราะเมื่อเรียนจบแล้ว ก็จะได้มีโอกาสหางานดี ๆ เงิ นดี ๆ จากบริษัทใหญ่ ๆ ทำ
แต่ในขณะที่บนโลกใบนี้ มีวิ ธีการหาเงิ นได้เป็นล้านวิ ธี ซึ่งหลักการที่เหมือนกันทุ กวิ ธี
เลยก็คือ การ ซื้ อ ข า ย สินค้าหรือบริการที่มีคุณค่าที่คุณสร้างขึ้น
แล้วผู้คนก็ยินดีที่จะใช้เงิ นเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับสินค้าหรือบริการที่คุณมีนั่นเอง
ไม่ว่าสินค้าหรือบริการของคุณจะเป็น แรงงาน, สินค้า, บริการ, ไอเดีย, ทักษะ ฯลฯ
ขอบคุณที่มา : sabailey