คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรฝึกหัดให้ลูกรู้จักความลำบาก สอนลูกจับปลาไม่ใช่หาปลาให้ลูกกิน
สอนลูกให้จับปลาเป็น หากินได้ตลอดไป …!!
จงอย่ าให้ปลาแ ก่เขา… ควรจะให้เบ็ดต กปลาเขาไป แล้วสอนวิ ธีการหาปลาให้แ ก่เขา
เพื่อให้เขารู้จักการเอาตัวรอดในสังคม และ รู้จักการหากินด้วยตัวของเขาเอง
คนเป็นพ่อเป็นแม่หลายคนเป็นแบบนี้…
ลูก… ” แม่ขอเงิ นหน่อย จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน “
แม่บอกว่า… ” ลูกรู้ไหมว่าสมัยแม่อายุเท่าลูก ไม่เคยเที่ยวที่ไหนเลย
ต้องทำงานทุ กอย่ าง พับถุงกระดาษขาย
ตัดใบตองขนไปส่งขายในตลาด แต่ละบาทแต่ละสตางค์ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ
ลูกต้องรู้จักความลำบาก ไม่งั้นอีกหน่อย เกิดไม่มีแม่แล้วจะทำยังไง….. “
คนเป็นแม่ได้แต่ร่ายย าว สาธย ายถึงอดีตอันลำบากของตน ส่วนลูกก็นั่งฟังแม่เงียบ ๆ
เมื่อแม่เทศน์จบ… ก็ควักเงิ นยื่นให้ลูกตามเคย…!!
พ่อแม่จำนวนมากทำอย่ างนี้จริง ๆ เมื่อลูกขอเงิ นไปเที่ยว จะพร่ำบ่นลูก
และ เล่าเรื่องเมื่อตนเผชิญความลำบากในสมัยก่อน
เล่าย้อนไปถึงชีวิตลำบากของตน เปรียบเทียบตนเองกับลูกในวัยเท่ากัน
แล้วปิดท้ายด้วยการให้เงิ นลูกไป…!!
สมัยก่อนไม่มีคำว่า… ” มรดก “ ในพจนานุกรมชีวิต
ทุ กอย่ างในชีวิตต้องออกแรงหามาด้วยตัวเองอย่ างย ากลำบาก
ทว่าเมื่อลืมตาอ้าปากได้ คนเป็นพ่อเป็นแม่รุ่นก่อนจึงกลัวลูกต้องมาลำบากแบบตน
จึงเผลอทำให้ลูกเสี ยคนโดยไม่ตั้งใจ
เลี้ยงลูกแบบหาปลาให้กิน ไม่หัดให้ลูกทำอะไรเองจริง ๆ จัง ๆ
พ่อแม่จำนวนมากเก็บเ งินเก็บท องไว้โดยไม่ยอมใช้ บอกว่า… “เก็บไว้ให้ลูก”
เพียงเพราะ พ่อแม่ ไม่อย ากให้ลูกผ่ านความลำบากเหมือนตัวเอง
การเตรียมทุ กอย่ างให้ลูก ก็ไม่ต่างอะไรกับหาปลาให้ลูกกินเลย
เหมือนสะท้อนสิ่งที่ตัวเองข าดไปในวัยเด็ ก คิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะเติมเต็มลูกได้
แต่มันกลับสร้างนิสัย ” ไม่สู้งานหนัก “ ให้ลูกไปโดยปริย าย…!!
ไม่มีเ งินไม่ใช่ปัญหา การไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทำมาหากิน
ไม่มีความพย าย ามนั่นแหละ คือปัญหา
บางครั้งการมีเงิ นมาก อาจทำให้เลี้ยงลูกย ากขึ้น…!!
หากเปรียบเ งินเหมือนไขมั นในร่ างกายก็คงไม่ผิดนัก
น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ส่งผลเ สียต่อสุ ขภาพ
ในสังคมบูชาคนร วย และ การร วยทางลัด การอบรมสั่งสอนลูก เดี๋ยวนี้ย ากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะสิ่งเร้ารอบตัว ทางเดียวที่จะให้ลูกโตขึ้นแล้วยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้
คือต้องสอนเรื่องความอดทน วินัยการใช้เ งิน และ การหาปลากินเอง
การรู้จักใช้ชีวิต และ รับผิดชอบตัวเอง อย่ าสร้างปัญหาแ ก่สังคม
ไม่พอกพูนด้วย ” ไขมั นแห่งวัตถุนิยม “ มากเกินไป
พ่อแม่ต้องมองภาพกว้างและมองให้ออกว่า หากให้มากเกินไปจะทำให้ลูกไม่รู้จัก
หามาด้วยตัวเองหรือไม่ ทำอะไรไม่เป็นเลยหรือเปล่า กลายเป็นรอแต่แบมือขออย่ างเดียว
ความรักย่อมเป็นเรื่องดี แต่ต้องรักให้ถูกวิ ธีด้วย คนร วยที่ฉลาด รู้ว่าการได้เงิ น
เป็นเรื่องง่ายกว่าการใช้เงิ น และ คนที่ไม่รู้จักหาเ งินมักใช้จ่ายเงิ นฟุ่มเฟือย
คนที่ร วยจากสมบัติที่ได้มาง่าย ๆ จากมรดก อาจจะข าดความรู้สึกดี ๆ
ของการสร้างตัวด้วยตัวเอง ข าดความภาคภูมิใจของการหามาได้
และ ทักษะการแก้ปัญหาชีวิต
มีตัวอย่ างจริงไม่น้อย ที่คนร วยแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งให้องค์กรการกุศล และ
ที่เหลือให้ลูกหลาน เพื่อให้ลูก ๆ เรียนรู้ที่จะยืนด้วยตัวเอง และ สร้างมันขึ้นมาใหม่
มหาเศรษฐีระดับโลกอย่ าง วอร์เรน บัฟเฟตต์
บริจากทรัพย์สินเกือบทั้งหมดให้องค์กรการกุศล แล้วบอกว่า…
” ผมได้ทิ้งมรดกส่วนหนึ่งให้พวกเขา มากพอที่พวกเขารู้สึกว่าจะสามารถ
ทำอะไรก็ได้ แต่… ไม่มากพอที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย “
เหมือนกับว่าให้รู้จักนำมรดกก้อนนี้ไปลงทุนต่อยอด
เพื่อให้ตนเองสามารถจับปลาเองได้
เราต้องสอนค่านิยมชื่นชมบุคคลที่สร้างตนเองจากศูนย์
หาเ งินอย่ างสุจริต รู้คุณค่าของการทำงาน การสร้างตัว
นี่อาจเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าการให้เงิ นอย่ างเดียว
ตามสุภาษิตที่ว่า… “สอนลูกจับปลา ไม่ใช่จับปลาให้ลูก”
ขอบคุณที่มา : 108resources