Home ข้อคิดสอนใจ จ ะ รู้ สึ ก ถึ ง ความสุขมากขึ้น เ มื่ อ เ ร า ลองปล่อยวางดู

จ ะ รู้ สึ ก ถึ ง ความสุขมากขึ้น เ มื่ อ เ ร า ลองปล่อยวางดู

ครั้งหนึ่งที่ทำงานของเรา ย้ายไปอยู่ตึกใหม่ที่ใหญ่และสวยกว่าเดิมพนักงานทั่วไป

ต่างพากันจับจองมุมทำงานดี ๆพนักงานระดับบริหาร

 

ก็เลือกออฟฟิศที่ดูดีสมฐานะตำแหน่งตัวเองมีผู้บริหารมาใหม่ 2 ท่าน เกิดงัดข้อกัน

เพราะต้องการห้องตรงมุมตึก หน้าต่างบานใหญ่

 

เห็นวิวสวยงามเดื อดร้อนเจ้านาย ต้องหาวิ ธีแก้ไข เขาปรึกษากับดอมและโรเจอร์ว่า

ใครสามารถสละห้องตัวเองได้ เขาไม่บังคับ

 

ขอให้เป็นไปโดยสมัครใจโรเจอร์บอกว่ายินดี แต่ติ ดอยู่ที่เขาจัดวางหนังสือเต็มชั้น

แล้ว แฟ้มเอกส ารก็เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย

แถมยังมีเครื่องเ สียงสเตอริโอชุดใหญ่อีกด้วย หากต้องย้ายคงเสี ยเวลาหลายวัน

เมื่อหันไปทางดอม ดอมยิ้มรออยู่แล้ว

 

บอกว่า ไม่มีปัญหา เขามีข้าวของแค่กล่องเดียว ย้ายได้เลยแล้วทุ กอย่ างก็เรียบร้อย

ภายในครึ่งวันเมื่อใครต่อใครถามดอมว่า

 

“ทำไมถึงยอมง่ายอย่ างนั้น” เขาตอบเพียงว่า

“นี่ไม่ใช่บ้าน ฉันแค่มาทำงาน จะเอาห้องมุมดี หน้าต่างบานใหญ่ไปทำไม”

บางคนแย้งว่า

 

“แต่นี่เป็นเรื่องของตำแหน่ง ศักดิ์ศรี นายยอมง่ายไป อีกหน่อยก็ไม่มีใครเกรงใจ”

ดอมหัวเราะบอกว่า

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ถือเรื่องพวกนี้ ให้ยุ่งย ากหนักใจหรอกเพื่อน”

ดอม อาวุโสแล้วก็จริง แต่เขากลับคล่องตัวกว่าเด็ กหนุ่มหลายคนตำแหน่ง

หน้าที่การงานของเขา ก็เลยไปได้เร็วและไกลกว่าใคร ๆ

 

ครั้งหนึ่ง เขาถูกส่งตัวไปทำงานต่างรัฐ เขาเลือกผู้ช่วยให้ตามไปด้วย หนึ่งคน

ดอมปรากฏตัวที่สนามบินพร้อมเป้สะพายหลังใบเดียว

 

ในขณะที่ผู้ช่วยของเขามาพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโต เมื่อบินไปถึงจุดหมาย

ดอมสะพายเป้เดินตัวปลิว

 

ขณะที่ผู้ช่วยต้องยืนรอที่สายพานรับกระเป๋า ท่ามกลางผู้คนมากมาย ดอมบอกกับ

ผู้ช่วยว่า “รอไม่ไหว ไปเจอที่สำนักงานลูกค้าเลยแล้วกัน”

 

ดอมขึ้นรถประจำทาง ใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็ถึงที่นัดหมายขณะที่ผู้ช่วย

หลังจากเสี ยเวลารอรับกระเป๋าใบโตแล้ว

 

ยังต้องรอคิวแท้กซี่อีกหลายนาทีกว่าจะไปถึง ดอมก็คุยธุรกิจกับลูกค้าเสร็จเรียบร้อย

โดยไม่ต้องใช้ผู้ช่วยเลย

 

ดอมเคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง แล้วสรุปว่า

“ชีวิต ก็เช่นกัน ถ้าเราไม่ถืออะไรติ ดตัวมากมาย มันก็เบาสบาย ไปไหนมาไหนคล่องตัว ว่ามั้ย”

 

ผมเห็นด้วย แล้วเสริมขึ้นว่า

“ไปสวรรค์ก็ง่ายขึ้นด้วย”

 

เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหัวเราะหึ ๆ ในลำคอผมอธิบายให้เขาฟังเพิ่มเติมว่า

ที่กล่าวเช่นนั้น เพราะนึกถึง

 

คำพูดของบาทหลวง ในโบสถ์ที่ผมไปประจำ ท่านสอนว่า

“ถ้าถืออะไรจนเต็มมือสองข้าง แล้วเราจะมีมือที่ไหนไปช่วยใครได้อีก”

 

การยึดถือสิ่งใดมากเกินไป ทำให้เราเห็นแ ก่ตัว มองไม่เห็นผู้อื่นยิ่งถือยศศักดิ์ศรีห ยิ่ งผยอง

ถือครองตนเองสูงกว่าผู้อื่นถือโน่นนี่มากมายส ารพัด จะยิ่งทำให้ตัวหนักติ ดพื้น

 

แต่ถ้าไม่ยึดติ ด ไม่ถือสิ่งใดเลย ตัวก็เบา ใจเราก็สบายลอยขึ้นสวรรค์ได้ง่าย

ท่านพูดเห็นภาพชัดเจน และการกระทำของดอม

 

ก็ทำให้มันชัดยิ่งขึ้นไปอีกชีวิตของเราแต่ละคน ไม่ได้ถูกระบุประทับตรามาตั้งแต่ต้นว่า

จะดีหรือร้ าย ง่ายหรือย ากพ ระเจ้าส่งทุ กชีวิตมายัง

 

โลกนี้เหมือนกันทุ กคน ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่า จะทำให้มันหนักหรือเบาเราจะแบกเต็มไหล่หลัง

หอบหิ้วทั้งสองแขน หรือจะมือเปล่า

 

เดินตัวปลิว ไปไหนมาไหนได้สบายใจหลายครั้ง เราไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่า

ได้แบกหน้าตา ตัวตน ศักดิ์ศรีของเราเอง มานานและหนักเท่าใด

 

แต่เมื่อได้ลองปล่อยวางลงดู ถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชีวิตนั้นเบาโล่งโปร่งสบาย คล่องตัวกว่าแค่ไหน

เราถึงเข้าใจว่า ทำไมนกจึงบินได้ และร้องเพลงทุ กวัน

 

ขอบคุณที่มา : 108resources

Comments are closed.

Check Also

แนวคิด10 ข้อ สอนลูกให้ได้ดี เติบโตไปจะได้ไม่ลำบาก

เรื่องราวสอนใจ เผิงลี่หยวน เธอได้แสดงความคิดเห็น กับเรื … …