1. แ ก่ น แท้ไม่ออก
ทุ กวันนี้หลักสูตรและการใช้ชีวิตในโรงเรียนส่วนใหญ่คือการทำตาม ไม่ใช่การเรียนรู้
ครูสั่งงาน เด็ กทำตาม เด็ กไม่กล้าตั้งคำถามเพราะกลัวครูดุและครูก็สอนไป
เพราะมันเป็นหลักสูตร แต่กลับไม่ได้รู้ว่าจริงแต่ละคนมีอะไรเหมือนหรือ
ไม่เหมือนกันในการเรียนรู้หรือเปล่า
สรุปคือคนเรียนเก่งกลายเป็นคนที่ทำตามได้ถูกต้องตามที่สั่ง มากกว่าเด็ กที่คิดแต กต่าง
และคิดเป็น แทนที่ทุ กคนจะมีความแต กต่างกลับกลายเป็นเหมือนกันไปหมด
คนเรียนเก่งหลายคนที่จบมาแบบไม่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำว่าอย ากเป็นอะไร มารู้ตอนเริ่มต้น
ใช้ชีวิตจริงว่าชอบอะไร อย ากทำอะไร สุดท้ายก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่ ใช้ชีวิตใหม่
ในขณะที่คนอื่นไปถึงไหนกันแล้ว
2. ไม่รู้จักผลของความผิด
จะพูดว่าไม่รู้จักข้อผิ ดพลาดอะไรเลยก็ไม่ถูกซะทีเดียว เอาเป็นว่ายังไม่รู้จักผลของการกระทำ
ที่ผิ ดพลาดดีกว่า เพราะว่าในชีวิตวัยเรียน ถึงแม้เราผิ ดพลาดบ่อยหรือมากมายขนาดไหน
ก็ยังไม่ร้ า ยแรงถึงขั้นล่ มสลาย (เจ๊ง) ได้
ยังมีพ่อแม่ คุณครูที่คอยประคับประคองอยู่ ต่างจากเมื่อคุณหลุดออกจากรั้ว เริ่มเข้าสู่สนามรบ
ของชีวิตจริงแล้ว มันจะไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเองและมันแทบจะไม่มีโอกาส
ให้คุณได้แก้ตัวหรือกลับหลังหันไปเริ่มใหม่ได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ คือเ ด็กที่อาจไม่ได้เรียนเก่งแต่เมื่อออกมาข้างนอกกลับ
ใช้ชีวิตได้ดีกว่าพวกคนที่เรียนเก่งก็เพราะว่าคนเหล่านั้นรู้จักข้อผิ ดพลาดและเคยเผชิญ
ด้วยตัวเองแล้ว
แต กต่างกับเ ด็กที่ไม่เคยออกมาสู่สนามรบและในโรงเรียนก็ไม่มีบทเรียนสอนให้รับมือเลย
ดังนั้นมันคงจะดีมาก ถ้าพวกหลักสูตรในโรงเรียนจะสอนให้พวกเขารู้จักยอมรับ
และเข้าใจข้อผิ ดพลาดที่อาจเจอในการใช้ชีวิตข้างหน้า จะได้รู้จักเตรียมตัวรับ
มือกันก่อนเผชิญโลกจริง
3. ไร้จุดหมาย
อย่ างที่เราบอกไปข้างต้นครับว่าชีวิตส่วนใหญ่ในโรงเรียนคือการทำตามมากกว่า
การเรียนรู้ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนที่เก่งในชั้นเรียนถึงสู้ไม่ไหว
เมื่อต้องลงสนามชีวิตจริง
เพราะนอกจากจะไม่มีประสบการณ์ในการเผชิญและเอาตัวรอดแล้ว ในโรงเรียนยังไม่สอน
ให้ปลดล็อคความสามารถหรือค้นพบตัวเองอีกด้วย แต กต่างกับเด็ ก
ที่ถึงแม้เรียนไม่เก่งแต่ก็ได้ลุยออกไปเผชิญอะไรใหม่ ๆ ได้คิด ได้ทำ
จึงดิ้นรนอยู่ในสังคมได้แบบลอยตัวมากกว่า
4. ชีวิตเป็นเรื่องไม่มีบทเรียนกำหนด
ถ้าคุณเรียนจบแล้ว จงจำไว้ว่าที่คุณได้เรียนรู้ในโรงเรียนไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีได้
จงอย่ าเชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าในสิ่งที่คนอื่นบอกเล่าว่าตั้งใจเรียนวิชานี้ให้เก่งสิ
จะเป็นโปรแกรมเมอร์เป็นห ม อ เป็นวิศวกรเก่ง ๆ เพราะนั่นไม่ใช่วิ ธีเดียวที่จะทำให้คุณเก่ง
หรือประสบความสำเร็จในวิชาชีวิตข้างหน้าได้เลย เพราะถึงแม้ว่าคุณ
จะได้เกรด 4 วิชาเลขตอนเรียน
ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตตอนทำงานคุณมีชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
และประสบความสำเร็จได้สูงมากกว่าปกติ การฝึกฝนและเรียนรู้ในสิ่งที่คุณทำต่างหาก
คือบทเรียนที่จะกำหนดความเป็นไปของคุณ
5. การใช้ชีวิตจริงไม่ได้มีให้เรียนรู้ในโรงเรียน
โรงเรียนสอนวิชาเลขว่าคิดเลขอย่ างไร สอนวิชาเคมีว่าต้องรู้สูตรว่าอะไรผสมอะไรจะออกมาเป็นอะไร
ไม่ใช่หลักสูตรพวกนี้ไม่ดี แต่หลักสูตรของโรงเรียนไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบทั้งหมดต่างหาก
ใช่ว่าการเข้าไปโรงเรียนและเรียนรู้วิชาเลข วิทย าศาตร์ สุขศึกษาได้หมดคือครบจบแล้ว
แต่มันยังข าดสิ่งที่มีความจำเป็นอย่ างมากอยู่ นั่นก็คือหลักสูตรการใช้ชีวิต
ที่ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่กลายเป็นว่าโรงเรียนส่วนใหญ่กลับไม่มีสอนเ ด็ก
ที่เดินออกมาใช้ชีวิตจริง ว่าต้องคิดอย่ างไร ต้องปรับตัวอย่ างไร
ขอบคุณที่มา : jingjai999