1. หนูต้องการแบบไหนจ๊ะ ?
เมื่อเราถามคำถามนี้กับลูกไป ไม่ว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา อย่ าเพิ่งตัดสิน
หรือแสดงความรู้สึกอะไร ไม่ต้องต กใจ ไม่ต้องกลัว ทำใจให้สงบไว้ แล้วตั้งคำถามต่อไป
2. หนูรู้สึกยังไงบ้าง ? หนูคิดอะไรอยู่ ?
ปล่อยให้เขาได้แสดงออ ก หรือพูดถึงความรู้สึกของเขาออ กมา อย่ าเพิ่งเข้าไปสั่งสอนอะไร
เขาเวลาแบบนี้ เพราะเวลาที่คนเรามีอ ารมณ์ติ ดค้างอยู่ ต่อให้ใครพูดอะไรไปก็ไม่ฟัง
ไม่รับเข้าหัวอยู่แล้ว ต้องรอให้อ ารมณ์เย็นลงซะก่อน
3. ถ้าพ่อแม่ทำแบบนี้แล้วหนูจะเป็นอย่ างไร ?
เราต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงสิ่งที่จะต ามมา หรือผลที่จะต ามมา ถ้าแก้ปัญหาด้วยวิ ธีที่ลูกพูดมา
เพื่อให้เขารู้ว่า เขาทำแบบนี้จะได้รับผลแบบนี้ เขาจะสามารถรับผลที่ต ามมาได้ไหม
การทำแบบนี้จะส่ งผลให้ลูกเชื่อใจคุณ และเมื่อเขามีปัญหาอะไร เขาจะมาปรึกษาคุณ
4. หนูคิดว่าพ่อแม่ต้องทำยังไงกับความผิดของหนู ?
เราสามารถหาทางออ ก และคิดแก้ปัญหาไปพร้อมกับลูกได้ อาจจะเป็นการเสนอแนะแนวทางให้เขา
ให้เขารู้สึกถึงการร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมกันกับคุณ และเราก็ต้องให้เกียรติความคิดเห็นของลูกด้วยเช่นกัน
5. หนูตัดสินใจได้ไหมว่าเราควรทำอย่ างไรดี ?
เมื่อวิเค ราะห์เรื่องราวและผลที่ต ามมาครบหมดแล้ว ลูกจะเลือกวิ ธีแก้ปัญที่เหมาะสมที่สุดออ กมาจนได้
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่คุณคาดเอาไว้ แต่ต้องเคารพในการตัดสินใจของลูก เพราะถ้าคุณพูดกลับ
ไปกลับมา จะยิ่งทำให้ลูกไม่เชื่อคุณ และไม่อย ากจะปรึกษาคุณอีกเลย
6. เกิดอะไรขึ้นหรือลูก ?
พ่อแม่ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี เปิดโอ กาสให้ลูกได้พูดบ้าง ไม่ควรด่วนตัดสินใจด้วยตัวเอง แม้ว่าเขาจะทำผิดจริงก็ต าม
เขาจะยินดีที่จะยอมรับความผิดของเขา ที่สำคัญไม่ควรต่อว่าลูก แต่ให้ทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น
จากมุมมองของลูก เพื่อให้เราได้เข้าใจเขาได้มากขึ้น
7. หนูอย ากให้พ่อแม่ทำอะไรดี ?
หากลูกเอ่ยปากให้พ่อแม่ช่วยอะไรเขาสักอย่ าง คนเป็นพ่อแม่ต้องสนับสนุนและช่วยเหลือลูกอย่ างเต็มที่
เพราะพลังสนับสนุนของพ่อแม่จะส่ งความเข็มแข็งไปถึงลูก ทำให้เขามีความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น
ขอบคุณที่มา : narukdee