Home ข้อคิดสอนใจ ความจริงยัง จ น อยู่ 5 นิสัยทำเป็น ร ว ย

ความจริงยัง จ น อยู่ 5 นิสัยทำเป็น ร ว ย

1. หนักไม่เอา เบาไม่สู้

“ความจน” น่ากลัวกว่าที่คุณคิด ถ้าหากคุณลองถามมหาเศรษฐีทุ กคนที่เริ่มต้นจากศูนย์

แต่ขยันทำมาหากิน พัฒนาตนเอง และกล้าก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งสร้าง

ตัวจนร่ำร วย

 

พวกเขาเหล่านั้นจะตอบเป็นเ สียงเดียวกันว่า “ไม่อย า กกลับไปจนอีก” แต่สำหรับหลายคน

ที่ยังเป็นมนุษย์เ งินเดือน หรือ เพิ่งเริ่มธุรกิจส่วนตัว แต่ยังไม่สู้งานหนัก ไม่พร้อมกลับบ้ า นดึก

หรือเดินหนีปัญหา

 

ที่อยู่ตรงหน้าที่ควรรับผิดชอบ ก็คงย า กที่จะพัฒนาไปสู่ความมั่งคั่งทางการเงิ น เพราะโอกาส

ท องมาพร้อมหย า ดเหงื่อเสมอ

 

2. ผัดวัน ไม่มีวินัย ชิลไปวัน ๆ

สโลว์ไลฟ์ คือชีวิตคนที่มีฐานะทางการเงิ นพร้อมพรั่งเท่านั้น จึงจะพร้อมสำหรับการนั่งจิบกาแฟ

เรื่อย ๆ ท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ บินไปเที่ยวเมื่ออย า กไป ใช้เงิ นซื้ อ ความสะดวกสบายเท่าที่

สบายใจ แต่กลับมาก่อน คุณยังเป็นห นี้

 

คุณยังไม่มีการเงิ นที่มั่นคง คุณยังไม่มีความสะดวกมือในการจับจ่าย เพราะคุณยังไม่มีวินัยทาง

การเ งินที่ดีและรัดกุมที่สำคัญ! คุณยังทำงานและเก็บเงิ นแบบผัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย

การเรียบเรียงชีวิตใหม่จัดลำดับความสำคัญ 1 2 3

 

ว่าเป้าหมายที่คุณต้องการในชีวิตคืออะไร จะทำให้คุณวางแผน ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และ

สร้างวินัยให้กับชีวิตที่ต้องการได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

 

3. คิดมากจนก้าวสู่ความขี้ขลาด

คนคิดมากกับคนรอบคอบนั้นต่างกัน คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรนำมาไตร่ตรอง แต่จะนำทุ ก

ปัญหามารวมกันจนทำให้ไม่เห็นทางออก แต่คนที่คิดรอบคอบจะคิดเป็นเรื่อง ๆ และลำดับความ

สำคัญว่าเรื่องใดควรมาก่อนมาหลัง

 

ทำให้คิดเป็นกระบวนการและได้คำตอบในแต่ละปัญหาอย่ างรวดเร็ว ซึ่งคนประเภทที่คิดมากเมื่อ

ทำธุรกิจ จะไม่กล้าวางแผนในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างกำไร เพราะกลัวความล้ มเหลว ทำให้

เสี ยโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต

 

หรือคนที่คิดมากเมื่อทำงานเป็นมนุษย์เงิ นเดือน จะกลัวการแสดงความคิดเห็น หรือ ไม่กล้าที่จะ

ทำงานย า ก ๆ เพื่อพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นเพราะการไตร่ตรองโดยใช้ทุ กความคิดมารวมกัน จน

กลายเป็นความกังวล หรือ ขย า ยจนเป็นความขี้ข ลาด ที่จะรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น ทั้ง ๆ

ที่โอกาสมาอยู่ตรงหน้า

 

4. กลัวการตั้งเป้าหมายในชีวิต

การพุ่งชนเป้าหมาย อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับบางคน เช่น คนที่ตั้งเป้าว่าจะ “ปลดห นี้” แต่กลัว

การเห็นเงิ นในบัญชีพร่องลงจากการชำระห นี้ตรงตามเวลา หรือไม่มีวินัยในการปลดห นี้

จึงทำให้เลี่ยงการชำระห นี้ จนเป็นเหตุให้ต้องแบกรับภาระด อ ก เ บี้ ยที่เพิ่มขึ้น

 

หรือบางคนตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงิ น 10-20% จากเงิ นเดือนเป็นประจำ แต่กลับถอดใจเพราะเห็น

สินค้าที่ชอบกำลังลดราคากระหน่ำ ทำให้ต้องควักเงิ นซื้ อ มาจนได้และเป้าหมายที่อย า กเก็บเงิ น

จึงล้ มเหลวไม่เป็นท่า ความล้ มเหลวที่คนเหล่านี้ประสบคือ

 

“ความกลัวเป้าหมายที่ตนอย า กทำ” หรือ ไม่กล้ามีเป้าหมาย เพราะกลัวทำไม่ได้ จึงเป็น

อุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณพังและไม่สามารถหลุดพ้นความจนได้สักที

 

5. ใช้ชีวิตเกินค่าครองชีพ

หลายคนใช้ชีวิตอย่ างฟุ่มเฟือย ทั้งจับจ่ายตามใจชอบ ซื้ อ ของที่อย า กได้ หรือแม้แต่ยอมเป็นห นี้

บัตรเครดิต เพียงเพื่อต้องการซื้ อ สิ่งของที่ไม่จำเป็นมาประดับชีวิตคุณให้ดูดี และ “ดูมี” เหมือนคนอื่น

คนอื่นที่ว่าอาจทำได้ เพราะสถานะทางการเงิ น

 

ของเขาอาจมั่นคงหรือพร้อมกว่า แต่การใช้เ งิน “เกินค่าครองชีพที่จำเป็น” เช่น กาแฟแก้วละ

35-40 บาท กับ กาแฟแก้วละ 100-170 บาท ราคากาแฟแก้วละเท่าไหร่?

 

ที่คุณรู้สึกว่าซื้ อ ง่ายจ่ายสบายใจได้ทั้งเดือน นั่นคือราคากาแฟที่เหมาะกับค่าครองชีพที่คุณแบก

รับไหว หากรู้สึกว่าหนักใจที่จะจ่ายแต่อย า กซื้ อ นั่นคือสัญญาณอั น ต ร า ยทางการเงิ นที่คุณ

กำลังใช้เกินตัวอยู่

 

ขอบคุณที่มา : sabailey

Comments are closed.

Check Also

แนวคิด10 ข้อ สอนลูกให้ได้ดี เติบโตไปจะได้ไม่ลำบาก

เรื่องราวสอนใจ เผิงลี่หยวน เธอได้แสดงความคิดเห็น กับเรื … …