1. กระจายเงิ นเก็บ/ต่อยอดเ งินเก็บ
เงิ นจากการออมเป็นรายวัน/รายสัปดาห์/รายเดือน ไม่ควรมีในบัญชีเดียวหรือแหล่งเดียว
ควรกระจายแหล่งเงิ นฝากเช่น ฝากไว้เป็นบัญชีกลางร่วมกับแฟน,
ฝากไว้ที่บัญชีของลูกน้อย, ฝากไว้ที่บัญชีของพ่อแม่เพื่อป้องกันการใช้เงิ นแบบไม่มีลิมิต
หรือกันเงิ นไว้สำหรับเหตุฉุ ก เ ฉิ นได้หลายที่และหากมีเงิ นเก็บมากพอสัก
5,000 – 10,000 บาท ลองต่อยอดเป็นหุ้น, ธุรกิจเล็ก ๆ, ท องคำ, เงิ นฝากประจำ
ด อ ก เ บี้ ยสูง เงิ นคุณจะได้เติบโตมากขึ้นไม่เป็นยอดนิ่ง ๆ แค่บัญชีเดียวแต่เ สียวไ ส้
ใช้หมดเมื่อไหร่ เจ๊งเมื่อนั้น
2. ควรซื้ อของด้วยเงิ นสด
ไม่ใช้ระบบผ่ อ นหรือบั ต ร เ ค ร ดิ ต อย ากได้อะไรพย าย ามเก็บเงิ นให้ครบแล้วค่อยไปซื้ อ
อย่ าติ ดนิสัยซื้ อมาก่อน ผ่ อ นทีหลังหรือจ่ายด้วยบั ต ร เ ค ร ดิ ต ซึ่งเป็นการนำเอาเงิ น
ในอนาคตมาใช้ (ไม่เหมาะกับคนเงิ นเดือน
หลักพันเป็นอย่ างยิ่ง เพราะสเตทเม้นท์ไม่ปลอดภัยพอสำหรับการหมุนเงิ น) การก่อห นี้โดย
ไม่จำเป็น ข าดเหตุผลอาจทำให้เราไม่มีเงิ นเก็บ เงิ นข าดมือ ติ ดพันกับการกู้ยืมเป็นทอด ๆ ไม่รู้จบ
3. อย่ าบ่น
ถ้าต้องเดินทางด้วยความลำบาก ถ้าคิดแล้วว่าวิ ธีไหนก็ปลอดภัยเหมือนกัน ให้มองหาการเดิน
ทางวิ ธีที่ประหยัดที่สุด เช่นเดินจากที่พักไปออฟฟิศที่ใกล้ ๆ, ขึ้นรถโดยส า รประจำทาง,
ปั่นจักรย านไปทำงาน, ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานจังหวัดใกล้ ๆคุณไม่จำเป็นต้องใช้วิ ธีสะดวกสบายมาก
หากว่าสุดท้ายแล้วต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของพาหนะเป็นก้อนใหญ่รองจากค่าที่พัก
4. ให้รางวัลตัวเองแบบพอชื่นใจ
ไม่ถี่มาก ชอบพอที่จะซื้ ออะไรให้กับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องอดซื้ อ แต่ลองตั้งเงื่อนไขอะไรให้กับตัวเอง
สักอย่ างเกี่ยวกับงาน เช่น ส่งงานให้ทันกำหนดการ, ทำยอดได้ตามเป้าหมาย
ถ้าสิ่งที่คิดไว้สำเร็จจริงนอกจากจะได้แรงจูงใจในการทำงานมันยังเป็นการเบรคตัวเองไม่ให้จ่าย
อะไรในก้อนใหญ่ที่ไม่จำเป็นโดยง่ายอีกด้วย
5. โ ชคดีแค่ไหนแล้วที่มีงาน มีเ งิน
ถ้าคุณกำลังท้อใจ รู้สึกว่างานที่ทำอยู่ทำไมด้อยมูลค่า ด้อยตำแหน่ง ลองมองในมุมกลับกันว่า
‘ดีแค่ไหนแล้วที่มีงานทำ’ บางคนไม่มีโอกาสที่ดีเท่าเราด้วยซ้ำไปพวกเขาต้องดิ้นรนหนักกว่าบ้ าง
หรือไม่ก็ยอมแพ้ ไม่หางานซะเลยก็มีแต่อย่ าใช้ปลอบใจตัวเองในวันที่คุณรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มัน
ทำให้คุณรู้สึกไม่โอเคมาก ๆ เช่น สวัสดิการห่ วยมาก, มีการทุจริตในองค์กรจริง,
ยิ่งอยู่ยิ่งถูกเอาเปรียบจริงลาออกเลยดีกว่า อย่ าปลอบใจตัวเองถ้ารู้สึก
ท ร ม า นมาหลายหนแล้ว
6. ถึงทุ กอย่ างที่มีอยู่ ไม่แพง ไม่หรู
แต่ก็ครบครัน ที่พักก็มี, การเดินทางก็ไม่ลำบากมาก, การกินอยู่ก็พออิ่มพอกิน, ได้เข้าสังคม
ตามโอกาสที่ควร,ได้เพื่อนร่วมงานที่ดี, มีวันหยุดที่สบาย, เ จ็ บ ป่ ว ยก็มีค่ารั ก ษ า ฯลฯ
สิ่งรอบตัวเรามีครบขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นแล้วที่จะต้องดิ้นรนให้เกินฐานะ
พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่นี่แหละความสุขที่แท้จริง
7. ถึงจะออกนอกห้องบ่อย ๆ
ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีเงิ นเก็บเลย จริงอยู่ว่าก้าวเท้าออกไปนอกบ้ านหรือนอกห้อง ก็เท่ากับว่า
เรายินยอมที่จะจ่ายตังค์แล้วอย่ าเหนียวกับตัวเองไปหน่อยเลยถ้าวันไหนไม่มีตังค์หรือเงิ นช็อต
ไม่จำเป็นต้องออกไปใช้เงิ นมากก็ได้ ลองหากิจ ก รรมง่าย ๆ เช่นออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ,
ออกไปเดินเล่นที่ห้าง, ออกไปปั่นจักรย านเที่ยวเล่นอย่ าติ ดนิสัยอยู่ในห้องบ่อย ๆ เราควรแอคทีฟตัวเอง
บ้ าง ร่า ง ก า ยจิตใจจะได้แจ่มใส ตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่เ จ็ บ ป่ ว ยง่าย
ไม่รู้สึกน่าเบื่อหรือหดหู่ง่ายเหมือนขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง
8. สร้างมิตรภาพกับคนรอบตัวเข้าไว้
ความสัมพันธ์อันดีต่อเพื่อนบ้ าน, เพื่อนร่วมงาน, ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ๆ เรา นอกจากเราจะได้รับ
การแ บ่ ง ปั นของกินของใช้, อ า ห า ร, โอกาสดี ๆ อันอื่น ๆ ในย ามที่เราเดื อดร้อนขึ้นมา
เช่น จู่ ๆ ก็ไม่สบายหนัก พวกเขาอาจช่วยเราผ่ อ นหนักเป็นเบาคอยเป็นหูเป็นตาช่วยดูแลเรา ปฏิเสธไม่ได้
หรอกว่าความสัมพันธ์มันมาพร้อมกับผลประโยชน์แต่เราก็เลือกได้นะว่าจะบาลานซ์ให้เรื่องไหนมา
เป็นอันดับแรก ถ้าคุณเลือกผลประโยชน์นำหน้า คุณก็จะไม่ได้รับความจริงใจเลย
เลือกสิ่งไหน ได้สิ่งนั้นไงล่ะ (เชื่อเถอะว่าร วยเพื่อน มันดี๊ดีกว่าร วยเงิ นท องซะอีกนะ)
ขอบคุณที่มา : profession-j55