เด็ กเรียนไม่เก่งไม่ได้แปลว่าเขาโ ง่ เพียงแต่ความสามารถเขาไม่ตอบโจทย์ระบบ
การวัดผลการศึกษาในประเทศ ใช่การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ แต่การประเมินคุณภาพของเด็ ก
สักคนไม่ควรดูจากผลลัพธ์คะแนนสอบเพียงอย่ างเดียว
เพราะปัจจุบันตัวแปรด้านการใช้ชีวิตและความสามารถนั้นมีมากมาย
ในระบบการศึกษาที่เหมือนจะเป็นตัวชี้วัดการท่องจำมากกว่าการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง
ผู้ใหญ่หลายคนต่างพบเจอความสามารถเฉพาะทางของเด็ กหลายคนแต่เลือ
กที่จะปล่อยผ่ านหรือมองข้าม
เพื่อตีกรอบให้เด็ กหมกมุ่นอยู่กับตำราเรียนตรงหน้าเท่านั้น
เชื่อว่ามนุษย์นั้นมีความสามารถหลากหลายด้านแต กต่างกันไป
มีความโดดเด่นหลายอย่ างที่ผู้ใหญ่มองข้ามเพราะอาจมองว่าเป็นเรื่อง
ไม่จำเป็นต่ออนาคตของเ ด็ก
ทั้งที่จริงแล้วหากมีการผลักดันอย่ างถูกจุดความโดดเด่น
ทางความสามารถทั้งหลายแหล่เหล่านั้นอาจเป็นพ ลั งที่มีความแข็งแรงได้ในอนาคต
อีกหนึ่งสิ่งที่คอยบั่ น ท อ นกำลังใจของเด็ กส่วนใหญ่คือ
ขนบนิยมการเลือกเชิดชูใครคนใดคนหนึ่งเพียงเพราะทำคะแนนสอบได้สูงกว่าคนอื่น
ดังจะเห็นได้จากการปิดป้ายประกาศหน้าโรงเรียน
ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและเกิดการดูถู กตัวเองของเด็ กที่ถนัดในด้านอื่น
นอกเหนือจากวิชาการตามตำราทำให้พวกเขาเหล่านี้รู้สึกไร้ที่ยืนแม้จะเปี่ยมไปด้วยความสามารถ
ของตัวเอง และไร้ซึ่งการเหลียวแลทุ กคนเกิดมาแต กต่างกัน
แน่นอนว่าไม่มีใครเหมือนกันร้อยเปอร์เซน ทุ กคนเกิดมาแต กต่างกัน มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งอยู่ในตัว
ไม่มีใครที่ไร้ประโยชน์แบบหมดจด และจะเห็นได้ชัดเลยว่าสังคมการทำงาน
ความสามารถในเชิงวิชาการเพียงอย่ างเดียวไม่สามารถช่วยให้คุณต่อสู้กับปัญหาได้
อย่ างมีประสิทธิภาพพอ เช่น
– เก่งด้านภาษา ถนัดการพูด ฟัง เขียน ได้อย่ างเข้าใจและเรียนรู้เร็ว
-เก่งด้านตรรกศาสตร์คณิตศาสตร์ มีความสามารถด้านการคิดคำนวณ
หาเหตุผล หรือด้านสถิติ
-เก่งด้านมิติสัมพันธ์ ชื่นชอบในด้านรูปแบบหรือรูปทรง
สามารถสร้างภาพต่าง ๆ ในหัวได้ชัดเจน และถ่ายทอดออกมาได้ดีผ่ านผลงาน
-เก่งด้านธรรมชาติ ชอบการสังเกต มีความคิดเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
ตั้งคำถามและเหตุผลที่มาของสิ่งต่าง ๆ
-เก่งด้านร่ า ง ก า ย มีความแข็งแรง คล่องแคล่ว ใช้ร่ า ง ก า ย
ในการแสดงออกเหล่านี้เป็นต้น
ดังนั้นสามารถพูดได้อย่ างเต็มปากว่า “เด็ กไทยไม่ได้โ ง่”
เพียงแต่ข าดอิสระในการแสดงความสามารถที่โดดเด่นของตัวเอง
เพราะการสร้างกระบวนการประเมินและชี้วัดความรู้เด็ กจากเพียงข้อสอบ
และการชักจูงอย่ างผิดทางจากพ่อแม่ คล้ายกับการบังคับให้ปลาปีนต้นไม้
ทั้งที่ปลาตัวนั้นถนัดว่ายน้ำเป็นที่สุด
เชื่อเถอะว่า ถ้าเด็ กได้เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และสังคมหรือคนรอบข้างส่งแรงผลักดัน
การเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าของเด็ กเหล่านี้
จะใช้ความสามารถที่แต กต่างกันนี้ช่วยกันผลักดันสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า
ได้อย่ างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณที่มา : jingjai999