ในสิ่งที่เรากำลังจะบอกต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่กันไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง จะมาบอกทีหลังว่า
ไม่ทันแล้วก็คงไม่ได้ เพราะคุณได้เลื่อนผ่ านมาเจอแต่ความดี ๆ แบบนี้
สำหรับการเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกลก็ตาม เราจะต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น
ก่อนออกเดินทางควรที่จะทำการเช็คและตรวจสอบสภาพรถของเราให้ดี
มิฉะนั้นแล้วจะเป็นเหมือนกับผู้ใช้รถท่านหนึ่งที่เขาไม่เคยตรวจสอบรถ
ของตัวเองเลย
1. แตร
ลองกดดู ให้แน่ใจว่าเสี ยงแตรดังชัดเจนดีหรือไม่
2. เข็มขัดนิรภัย
ตรวจเช็คว่าหัวเข็มขัดสามารถล็อคได้เรียบร้อย สายเข็มขัดมีรอยฉีดข าดหรือไม่
3. เช็คน้ำมันเบรก
น้ำมันเบรกจะช่วยหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ในระบบเบรก เนื่องจากต้องมีการสีของส่วนต่าง ๆ
ในระบบเบรกไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ ลูกย าง ภายในแม่ปั๊มเบรก ลูกปั๊มเบรก
ถ้าหากน้ำมันเบรกรั่ว หรือไม่เพียงพอจะเกิดการสึกหรอ จนกระทั่งไม่สามารถเบรกได้
หรือที่เราเรียกกันง่าย ๆ ว่า “เบรกแต ก”
โดยมากกระบอกเก็บน้ำมันเครื่องจะอยู่บริเวณตอนหน้าของห้องเครื่อง เราสามารถสังเกตได้
จากภายนอกว่าน้ำมันเบรกข าดหรือไม่ โดยควรให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า Min
หากน้ำมันเบรกเริ่มน้อยลง มีความเป็นไปได้ถึงผ้าเบรกเริ่มสึกหรอลง
ควรตรวจสอบผ้าเบรกด้วยว่ายังเหลือเพียงพอหรือไม่
4. เช็คน้ำมันเครื่อง
ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับเครื่องยนต์ นั่นคือ น้ำมันเครื่อง ถือเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่ างมาก
โดยให้ดึงก้านเช็คน้ำมันเครื่องในขณะที่ดับเครื่องยนต์ทุ กครั้ง
เพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่องระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับที่ก้านระบุไว้ โดยสามารถ
เติมน้ำมันเครื่องเพิ่มลงไปได้หากน้อยกว่าที่ระบุ นอกจากนี้
น้ำมันเครื่อง ควรทำการเปลี่ยนถ่ายทุ ก ๆ 1 หมื่นโล เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
และถนอมส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ เสื้อสูบ ข้อต่อต่าง ๆ
5. เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุ กเฉินไว้เสมอ
ติ ดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้ในรถเสมอเมื่อต้องเดินทางไกล ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ในการขับขี่รถยนต์ก็คือ การเคารพกฎจราจร
มีความระมัดระวั งในการขับขี่ ไม่ควรที่จะขับขี่ด้วยความเร็วสูง เว้นระยะห่างระหว่างคันหน้า
ให้พอดี มีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางง่าย ๆ เท่านี้คุณก็จะขับรถอย่ างมีความสุข
6. ใบปัดน้ำฝน
โดยอายุเฉลี่ยของใบปัดน้ำฝนจะอยู่ประมาณ 2 ปี แล้วแต่สภาพอากาศ
ถ้าสภาพอากาศร้อนจัดอาจจะทำให้ใบย างปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
ดังนั้นแล้วควรที่จะเช็คด้วยการฉีดน้ำย าล้างกระจก เพื่อที่จะดูว่าย างปัดน้ำฝน
ยังใช้งานได้คงสภาพอยู่หรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าไม่ดีแล้วก็ควรรีบเปลี่ยน
ใบปัดน้ำฝนมีราคาแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่รถของเรามีราคาหลักแสน
จนถึงหลักล้าน
7. ย างรถยนต์
สำหรับสิ่งแรกให้คุณสังเกตลักษณะภายนอกของตัวรถ ตัวย างรถยนต์
ว่ามีความหนาของด อกย างดีหรือไม่ ไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร
ดูว่ามีรอยฉีกรอยข าดหรือเปล่า แล้วอย่ าลืมที่จะหมั่นตรวจสอบดูลมย าง
และขันน็อตให้แน่นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรแน่นจนเกินไป
8. ระบบไฟ
ระบบไฟส่องสว่างถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่ างยิ่งในขณะฝนต ก คุณจึงควรตรวจเช็คหลอดไฟ
ทุ กจุดทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว รวมถึงไฟตัดหมอกหน้า-หลัง เพราะจะช่วยให้รถคันอื่น
สามารถมองเห็นคุณได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางทัศนวิสัยที่ย่ำแ ย่ แต่หากหลอดไฟติ ดเพียงข้างเดียว
อาจทำให้รถคันที่วิ่งตามมา เข้าใจผิดว่ารถคุณคือมอเตอร์ไซค์ เสี่ ยงก่อให้เกิดเหตุตามมาได้
9. ระบบเบรก
ระบบเบรก ABS ในรถยนต์รุ่นใหม่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้วซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยป้องกัน
ไม่ให้ล้อล็อค เมื่อเหยี ยบเบรกเต็มแรง
ซึ่งมีประโยชน์มากบนถนนเปียกลื่น เพราะผู้ขับขี่จะยังคงสามารถควบคุมทิศทางตัวรถ
เพื่อเลี่ยงสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้ วิ ธีการตรวจเช็คคือให้ลองหาถนนโล่ง ๆ และปลอดภัย
ขับรถด้วยความเร็วราว 30 กม./ชม. จากนั้นให้เหยี ยบเบรกเต็มแรงหากได้ยินเ สียงดัง
จากช่วงล่าง และมีแรงสะท้านที่แป้นเบรกเป็นจังหวะถี่ ๆ
นั่นแสดงว่าระบบเอบีเอสยังคงทำงานได้ดีอยู่ แต่หากได้ยินเสี ยงย างบดถนนดังเอี๊ยดย าว ๆ
นั้นก็แปลว่า ABS มีปัญหา ต้องแก้ไข
10. อะไหล่สำรอง
ตรวจดูอีกครั้งว่าย างอะไหล่และแม่แรงเก็บอยู่ตำแหน่งใด
ตรวจเช็คลมย างอะไหล่ และให้แน่ใจว่าแม่แรงและด้ามขันใช้งานได้ตามปกติ
11. เช็คระบบปรับอากาศ
สภาพอากาศ อากาศร้อนถึงร้อนมากโดยส่วนใหญ่ การเตรียมความพร้อมให้ระบบปรับอากาศ
สามารถทำความเย็นได้ตามปกติถือเป็นสิ่งที่ควรดูแลเป็นอย่ างมาก
โดยมากระบบปรับอากาศจะเริ่มอุดตันจากการไม่ได้ดูแลเรื่องกรองแอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถ
มีกลิ่นและไม่เย็นอย่ างที่ควรจะเป็นถ้าเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนกรองแอร์
ทุ ก ๆ 1 หมื่นกิโลเมตรเช่นกัน จะทำให้แอร์เย็นและอากาศในรถสดชื่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้
การเปิดกระจกขณะขับรถ มีส่วนทำให้กรองแอร์ตันและไม่สะอาดเร็วยิ่งขึ้น
12. แบตเตอรี่และสายไฟ
ตรวจดูและเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับที่กำหนด ดูเปลือกแบตเตอรี่ว่า
มีร่องรอยเสี ยหายหรือไม่ ตรวจดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่
13. ระดับน้ำระบบต่าง ๆ
ระดับน้ำหล่อเย็น ควรจะมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง หม้อน้ำควรดูว่า
ด้านหน้าหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุ หรือใบไม้ติ ดอยู่
ดูท่อย างว่ามีรอยแยกเปื่อย มีรอยฉีกข าดหรือหลวม
ขอบคุณที่มา : postsod