1. ขยันให้ถูกจุด
คนขยันมักไม่เป็นที่มอง เห็นของเจ้านายถึงมีประโยค ที่ว่า “ทำงานให้ต า ย ก็สู้
คนเลียแข้งขาเจ้านายไม่ได้”และทุ กบริษัท ไม่มีใคร ไม่ชอบคนขยันแต่เมื่อเราทำแล้ว
ก็ต้องพูดรู้จักแสดงผลงานของตัวเอง
บ้างไม่ใช่ก้มหน้า ก้มตาทำจนคนอื่น ๆ ขโม ยผลงานไป เราก็ยังนิ่งเงียบ เป็นท องไม่รู้ร้อนนั้น
เขาเรียกว่าโ ง่เขล าค่ะ ไม่อย ากให้เพื่อนร่วมงาน สวมเขาบ่อย ๆ จงโขว์ศักยภาพด้วย
การพูดด้วยค่ะ วาทศิลป์คือสิ่งดีงามทำ เยอะต้องพูด ให้เป็นคือชนะเลิศ
2. เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับองค์กร
กว่าจะผ่ าฟั นกับคู่แข่งมาได้ จงบอกตัวเองว่าเราก็มีของดีไม่น้อย การจะเข้ามาทำงาน ในองค์กรหนึ่ง ๆ
ทุ กบริษัทก็ต้องผ่ านการคัดแล้ว คัดอีกไม่ใช่ใคร ก็ได้จริงป่ะดังนั้นเมื่อ เขาเลือกเราเข้ามาแล้ว
จงหมั่นเรียนรู้ และปรับตัวเสี ยไม่ใช่ นั่งรอโอกาสเดินเข้ามาหา
เราควรเดินเข้าไป หาโอกาสด้วยการแสดงผลงานชิ้นโบแดง ให้นายเห็นว่าเขาตัดสินใจ
ไม่ผิดที่เลือกเราเข้ามา เคยมี HR บริษัทใหญ่ แห่งหนึ่งปฏิเสธรับพนักงานใหม่
เข้าทำงานด้วยเหตุผลที่ว่าวันสัมภาษณ์ งานหนุ่มน้อยคนนั้น ถามถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง
จะได้รับเมื่อเข้ามาทำงานแต่ไม่ได้สนใจเนื้ อ งานที่ตัวเอง
จะทำและได้แสดงศักยภาพของตัวเอง หากทุ กคนคิดแบบนี้ก็จอดไม่ต้องแจวต่อค่ะ
เพราะคุณปิดโอกาส ให้ตัวเองตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว ว่าจะได้รับ OT เท่าไหร่
หากต้องทำงาน ส-อ โอ้ววอย่ านะ
3. เจ้านาย
คนที่เป็นนาย คนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันทั่วโลก คือ ฉลาดและมีไหวพริบเขาจะรู้ว่าใครดี
แต่ปากและใครคนจริง แต่นายส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ทำลายคนดีแต่ปากเพราะคนเหล่านี้
คือหูตาบริษัท ที่พอมีเรื่องเม้าท์ก็จะถึงหูเจ้านาย ได้ทันที แบบไม่ต้องสงสัย บางทีมีนายหลายคน
แต่กว่าจะไปถึงนายใหญ่บางที มนุษย์งานอย่ างเรา ๆ อาจจะโดนกลบรัศมี หมดอย่ ารอให้โดน
เรียกจงโชว์ผลงานที่โดดเด่นแล้ว จะเป็นที่รักของนายค่ะ ไม่ใช่อะไร
แต่เพราะเราทำงาน ได้ไม่ใช่ดีแต่ปากไงล่ะ
4. โฟกัสที่งานไม่ใช่คน
เดี๋ยวนะมาทำงานค่ะ ไม่ใช่มานั่งนินทาเจ้านายขายเพื่อนร่วมงาน ไม่ต้องค่ะมาทำงานก็ต้องโฟกัส
ที่งานทำให้เต็มที่ถูกมอบหมาย งานมาสิบแ ต่ทำให้เต็มร้อยไปเลยค่ะ แล้วผลตอบแทน
จะตามมาเคยมีฝรั่ง คนหนึ่งถูกเรียกสัมภาษณ์ งานเมื่อบริษัท เปิดโอกาสให้ถาม
สิ่งที่เขาถามคือบริษัทมีการเจริญเติบโต ไปในทิศทางไหน มีอุปกรณ์และเทคโนโลยีเจิด ๆ ให้เขาได้
แสดงศักยภาพของตัวเองหรือไม่นโยบายบริษัท จะเป็นยังไงอีก 5 ปี ข้างหน้าเขาต้องรู้ ข้อมูลประกอบ
เพื่อจะได้งัดศักยภาพของตัวเองมาใช้ให้ถูกจุด หากให้ข้อมูลเขาครบแล้ว จึงค่อยต กลงเรื่องเงิ นเดือน
เพราะเขารู้ว่าเขาจะให้อะไรกับบริษัทได้บ้าง และผลตอบแทนที่จะได้รับต้องเหมาะสมเช่นกัน
จบปังฉลาดเวอร์วังคนแบบนี้ ไม่มีทาง ต า ย ค่ะพูดเลย
5. Teamwork
ทุ ก ๆ งานต้องทำร่วมกับคนอื่นค่ะทำคนเดียว ไม่ได้หากคิดว่าทำงานร่วม กับ เพื่อนร่วมงานคนอื่น
ไม่ได้ก็ลาออกไปซะอย่ าอยู่ เป็นภาระของคนอื่น ๆ เพราะไม่มีอะไร ในโลกนี้
สามารถทำงานคนเดียวได้เสร็จสมบูรณ์ยกเว้นว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ
ทีมเวิร์คจึงสำคัญมาก ๆ เพราะเราไม่รู้ว่าวันหนึ่ง
เราอาจจะต้องขอความช่วย เหลือจากโปรแกรมเมอร์ สุดติสที่โครตจะกวนโอ้ย!
หรือ อาจจะต้องดิวงาน กับ ครีเอทีฟที่ทำตัวน่าทีบสุด ๆ
ก็เป็นไปได้หัดทำตัวเอ งให้น่ารักน่าคบหาเพื่อ ความอยู่รอดของตัว
เราเองในอนาคตนะคะ
6. เข้าสังคม และอย่ าสร้างศัตรู
ใคร ๆ ก็ว่าสังคมเพื่อนร่วมงาน ป็นสังคมที่น่าเบื่อหน่ายวัน ๆ ไม่ค่อยทำหรอกงานมาทำงาน
มานั่งนินทาคนอื่น ๆ พูดถึงละคร ที่พึ่งดูไปร้านอาหารเปิดใหม่แ ละเที่ยวไหนดีมีชีวิตแบบไฮโซ
แต่เงิ นเดือนโลว์คอร์ทอันนี้ เข้าข่ายรสนิยมสูงแต่รายได้น้อย เมื่อต้องเข้าสังคมร่วม
กับ เพื่อนร่วมงานแบบนี้จงปรับตัวค่ะ อย่ าแปลกแยกเพราะ
จะถูกเกลี ยด โดยฉับพลันมีข้อมูลมาคุยแลกเปลี่ยน กับ เพื่อนร่วมงานบ้างแต่อย่ าทิ้งงาน
ตรงหน้างาน จบแต่หน้าที่เข้าสังคม ยังคงดำเนินต่อไปค่ะ อย่ าปลีกวิเวก
เพราะเราต้องทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ ค่ะ
ขอบคุณที่มา : sabaidmai