การอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็น เ ด็ ก ที่มีพฤติ ก ร ร ม เหมาะสมกับการดุลูกเป็นของคู่กัน
เพราะที่คุณพ่อคุณแม่ดุ ก็เพื่อให้ลูกเกิดการเรียนรู้และแก้ไข ดุเพื่อให้ลูกเข้าใจว่า
ไม่ควรทำความผิดซ้ำอีก แต่การดุหรือตำหนิลูกไม่ถูก วิ ธี จะส่งผลให้ลูกสูญ เ สี ย
ความเชื่อมั่นและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง อีกทั้งยังลดคุณภาพความสัมพันธ์ภายใน
ครอบครัวอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องดุ สั่งสอนหรือตัก เ ตื อ น ลูกก็ต้องมี
วิ ธี ทำอย่ างเหมาะสม เพื่อให้ลูกเชื่อฟัง และไม่ ทำ ร้ า ย จิ ต ใ จ และความรู้สึกของลูก
1. ตำหนิที่การกระทำ ไม่ใช่ที่ตัวลูก
คุณพ่อคุณแม่ควรตำหนิที่การกระทำของลูก ไม่ใช่ตำหนิที่ตัวลูก ยกตัวอย่ างเช่น
“แม่ไม่ชอบที่ลูกแกล้งน้อง” หรือ “แม่ไม่ชอบที่ลูกพูด คำ ห ย า บ” ทำให้ลูกรับรู้ว่า
การกระทำนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบ ไม่ยอมรับ และจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นในทางกลับกัน
หากคุณพ่อคุณแม่ตำหนิที่ตัวลูกโดยตรง ยกตัวอย่ างเช่น “ทำไมเป็น เ ด็ ก เกเรแบบนี้” หรือ
“ลู ก แ ย่ มากที่พูดจาแบบนี้” จะส่งผลให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่รักของพ่อแม่ เป็น เ ด็ ก
ไม่ดี ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ท้อแท้ สูญ เ สี ย ความมั่นใจ และไม่ อ ย า กปรับปรุงตัวเองต่อไป
2. อย่ าดุลูกขณะที่กำลังหงุดหงิด
ลูกจะ รู้ สึ ก แ ย่ กับความหงุดหงิดและ อ า ร ม ณ์ โกรธของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นหากรู้สึก
หงุดหงิดควรบอกกับลูกว่า “ตอนนี้แม่หงุดหงิดมาก เดี๋ยวแม่จะไปทำอย่ างอื่นก่อน
หายโกรธแล้ว แม่จะมาคุยเรื่องนี้กับหนูอีกที” นอกจากลูกจะไม่ต้องรับ อ า ร ม ณ์
ของคุณแม่แล้ว ยังได้เรียนรู้ วิ ธี การจัดการกับความโกรธอีกด้วย
3. หลังจากดุแล้ว บอกสิ่งที่ อ ย า ก ให้ลูกทำ
ยกตัวอย่ างเช่น เมื่อลูกคนโตลงมือตีน้อง แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะบอกกับลูกว่า ห้ามตีน้อง
ลองบอกทางแก้ปัญหาให้ลูก เช่น “ลูกไม่จำเป็นต้องตีน้อง ต่อไปนี้ถ้าน้องทำอะไร
ให้หนูไม่พอใจให้มาบอกแม่” เพราะการห้ามลูกโดยไม่บอก วิ ธี การแก้ปัญหา
เมื่อลูกไม่พอใจน้อง ก็จะตีน้องอีก
4. ไม่ดุลูกต่อหน้าคนอื่น
เพราะจะทำให้ลูก เ สี ย หน้า ข า ด ความมั่นใจ รู้สึกอาย และรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ให้เกียรติ
นอกจากนี้ยังทำให้ลูกรู้สึกว่า คำสอนของคุณพ่อคุณแม่ไม่มีความหมาย เพราะลูก
จะไม่เข้าใจและไม่รับฟังในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ พ ย า ย า ม สอน แม้ว่าจะเป็น
คำสอนที่ดีขนาดไหนก็ตาม
5. รับฟังเหตุผลและถามความคิดเห็นในมุมมองของลูก
อย่ า รีบตัดสินหรือตำหนิลูกโดยที่ไม่เปิดใจรับฟังคำอธิบายหรือเหตุผลของลูก
เพราะจะทำให้ลูกต่อต้านและไม่ อ ย า ก อธิบายอะไรให้คุณฟังอีก
แต่ควรใช้ วิ ธี พูดคุยถามลูกว่าถ้าเกิดทำผิดซ้ำ จะให้มี วิ ธี การตัก เ ตื อ น หรือ
ลง โ ท ษ อย่ างไร เพื่อให้ลูกคิดถึงผล เ สี ย วิ ธี แก้ไข และรับผิดชอบในความผิดของตัวเอง
อ้างอิง Th.theasianparent