คนเรานะ.. “ศีลไม่เสมอกัน มันคบกันไม่ได้”
หรืออาจจะคบกันได้แต่ปัญหาอาจจะตามมาเยอะ
คบคนแบบไหน ก็เป็นคนเช่นนั้นแหละ
คุณอยู่กับ “นักปรๅชญ์” คุณจะมีความรู้ยิ่งขึ้น
คุณอยู่กับ “คนใจกว้าง” คุณจะมีสังคมที่กว้างขึ้น
หากคุณอยู่กับ “คนมองโลกในด้านดี” คุณจะพบความสุขมากขึ้น
คุณอยู่กับคนกล้าหาญ “คุณนั้นจะแกร่งขึ้น”
คนเราถ้าศีลไม่เสมอกัน ก็อยู่ร่วมกันก็ย าก..
มันต้องประมานว่าพวกเดียวกัน พูดเรื่องเดียวกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ถึงจะไปกันได้
คนแบบเดียวกัน จึงดึงดูดพวกเดียวกันเข้ามา
ชอบแว้น เขาก็พาไปจับกลุ่มซิ่งรถ
ชอบเข้าวัดก็ชวนกันไปปฎิบัติธรรม พูดเรื่องที่ชอบเหมือนกันทำเรื่องที่ชอบเหมือนกัน
เราสนิทกับคนแบบใด นั่นคือเราเป็นคนแบบนั้น
เรากับคนแบบไหนแล้วสบายใจให้รู้ไว้เลยว่า.. เรากำลังจะเป็นคนประเภทเดียวกับเขา
อย่ างเช่น..เเม ล งวัน มันไม่ชวนกันไปกินน้ำหวานหรอกนะ
แต่ว่ามันชวนกันไปกินแต่ของเน่ าเสี ย
เหมือนกับคุณ ไม่เคยเห็นผึ้ งชวนกันไปกินของเน่ า..
คนประเภทเดียวกันมันจะชวนกันทำ ในสิ่งที่ชอบเหมือนกัน
หากเราอย ากรู้ว่าใครเป็นคนแบบไหน ให้ดูคนที่คนคบด้วยสนิท
ด้วยก็รู้แล้วว่า..หากไม่ใช่พวกเดียวกัน
หรือศีลไม่เสมอกันล่ะก็ ก็คงคบกันไม่ได้ย าก
คุณคือค่าเฉลี่ยคนห้าคนที่คุณคลุกคลีและใช้เวลาอยู่ร่วมด้วยมากสุด
มองดูสิห้าคนในชีวิตคุณ ที่ใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดในแต่ละวันคุณ
ได้รับอิทธิพลมาจากเขาเหล่านั้น
และถ้าคุณอยู่กับใคร คุณก็จะได้เป็นแบบนั้น
อย ากเป็นแบบไหนก็เลือกเอา
“ศีลเสมอแล้วเจอกัน”
คำว่า.. “เสมอ” ไม่เป็นอื่น กลมกลืน ไม่ว่าพูดอะไร หรือทำอะไร ก็จะเข้าใจกันได้ง่าย
ที่เป็นปัญหา ถึงทุ กวันนี้ เพราะห่างเพราะเหมือนอยู่โลก คนละใบ
ศีลไม่เสมอกันปัญญาที่จะคุยกัน ก็ต่างกัน คุยกันไม่รู้เรื่องพ าลหงุดหงิด
ใส่กันซะเปล่า ทะเลาะตลอด
เพราะฉะนั้น การเลือกคบคนจึงต้องดูลึก ๆ ไม่ใช่ดูแต่ภายนอก
ต้องดูที่ศีล สติ ปัญญาเท่านั้นมันจึงจะอยู่กันได้นาน
การ “ไม่เสมอ” ทำให้เปลี่ยนแปลงย าก ปรับย าก
ให้อภั ยย าก เข้าใจย าก แม้ว่าฝ่ายหนึ่งปรับแต่อีกฝ่ายไม่เปลี่ยน
มันก็ไปกันไม่ได้นะ.. มันเข้าไม่ถึง
ขอบคุณที่มา : chayend