ก่อนที่จะมีการวางสิ่งปลูกสร้าง หรือทำประโยชน์ต่อที่ดินผืนนั้น ๆ เจ้าของ
มักจะทำการถมที่ดินให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม
หรือถมเพื่อให้ระดับดินเท่ากันเวลาปลูกสร้างทำอะไรก็จะดูสวยงาม แต่การ
จะถมดินแต่ละครั้งไม่ใช่ว่าจะถมได้เลยต้องมีการพิจารณา
อยู่หลายขั้นตอนเพื่อความเหมาะสมและดำเนินการได้อย่ างราบรื่น
ไม่มีสะดุดกลางคัน
1. ถมดินสูงแค่ไหนถึงจะดี
ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ตำแหน่งที่ดีในการสร้างบ้าน คือ ต้องไม่ต่ำกว่าระดับถนน
แต่ก็ไม่ควรสูงมากเกินไปนักให้อยู่ในระดับ 0.5 – 1 เมตร แล้วแต่ว่าสไตล์บ้าน
เป็นแบบไหน อีกอย่ างที่ต้องคำนึงถึงให้มากก็คือ
ต้องไม่ถมดินสูงกว่าบ้านข้าง ๆ หรือที่อยู่ในระแวกเดียวกับบริเวณบ้าน เพราะจะ
ทำให้เกิดปัญหาในภายหลังหากได้ระดับในการถมดินแล้ว ก็ให้ถมสูงขึ้นเผื่อ
ไว้สักนิด เพราะดินจะมีการยุบตัวได้ในอนาคต
ถึงแม้ผู้รับเหมาจะทำการบดหน้าดินไว้จนแน่นดีแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่ านไปหน้าดิน
จะทรุดลงเสมอเพราะฉะนั้นเราควรจะถมดินให้มีระดับสูงกว่าระดับที่ตั้งไว้
ประมาณ 20 เซนติเมตรกำลังดี เพื่อเผื่อการยุบตัวของดิน
2. ถมดินช่วงเดือนไหนถึงจะดี
ความเชื่อโบร่ำโบราณที่ยึดถือปฏิบัติกันมา จะไม่ให้ถมดินหรือสร้างบ้านในช่วง
เดือน 5 – เดือน 8ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงปฏิบัติต่อกันมาแบบนั้น แต่จากที่ลอง
วิเคร าะห์ดูสิ่งที่พอจะเป็นไปได้คือ
ในช่วงที่เขาห้ามนั้นเป็นช่วงฤดูฝน สภาพอากาศจึงไม่เหมาะที่จะทำการถมดิน
หรือสร้างบ้านนอกจากจะดำเนินการไม่สะดวกแล้ว ยังอาจส่งผลทำให้ต้องเ สียค่า
ใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
เพราะการถมดินในฤดูฝน รถตักดินจะไม่สามารถลงบ่อดินได้ รถบรรทุ กก็เข้าถมดิน
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ค่าใช้จ่ายในการถมดินมีราคาสูง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
กว่าปกติอีกมาก
แต่หากถมดินเสร็จก่อนฤดูฝน พอเข้าฤดูฝน ฝนที่ต กลงมานั้น ก็จะทำให้หน้าดินไม่เสมอกัน
บางส่วนจะยุบตัวลง สุดท้ายก็ต้องรอให้พ้นฤดูฝนไปก่อน และแน่ใจว่าจะไม่มีฝนต กลงมาแล้ว
ก็ต้องเริ่มทำการถมปรับหน้าดินกันใหม่ หลังจากนั้นจึงค่อยเริ่มสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ กันอีกที
ค่าใช้จ่ายจึงบานปลายกว่าที่ได้ตั้งไว้
3. ซื้อดินเป็นคันรถหรือเหมาจ่ายดี
เป็นคำถามที่มีคนถามอยู่มาก ต่างก็กลุ้มใจและคิดไม่ต กว่า จะเลือกซื้อดินแบบไหนดี
แนะนำให้เป็นแบบเหมาจ่ายไปเลย เพราะสามารถจบงานได้ง่ายและค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย
แต่หากเลือกที่จะสั่งซื้อดินเป็นคัน ก็ต้องควบคุมปริมาณตามที่ซื้อจริงให้ได้
เพราะในการตักดินจะหาปริมาณและมาตราฐานที่แน่นอนไม่ได้ ถ้าเปรียบเทียบดูแล้ว
ในการซื้อดินเป็นคันรถ ผู้รับเหมาอาจจะตักดินไม่เต็มคันและตักต่อคันไม่เท่ากัน
แต่หากเราซื้อแบบเหมา ผู้รับเหมาก็จะไม่ค่อยซีเรียสเรื่องปริมาณ เขาจะตักมาจนเต็มคันรถ
ซึ่งจะมากกว่าการตักตามปกติ เพราะเขาจะประหยัดค่าน้ำมันในการขนแต่ละรอบ การที่ขน
น้อยรอบมากที่สุดจะทำให้เขาสูญเ สียกำไรที่พึงจะได้น้อยที่สุดนั่นเอง ดังนั้นการซื้อดิน
เป็นคันรถ เหมาะกับงานเล็ก ๆ
ที่ต้องการใช้ดินในปริมาณที่แน่นอน ถ้าต้องการถมดินในปริมาณที่มาก ให้ติ ดต่อขอเหมาไปเลย
แจ้งกับผู้รับเหมาว่าต้องการที่จะถมดินให้สูงกว่าเดิมเท่าไหร่ แล้วผู้รับเหมาจะทำการวัด
และเสนอราคาทำราคามาให้ เราก็แค่พิจารณาซึ่งตรงนี้สามารถที่จะขอต่อราคา
กับผู้รับเหมาได้เลย
4. จำเป็นแค่ไหนต้องถมดิน
การถมดินเพื่อการก่อสร้างหรือเพื่อใช้ประโยชน์นั้น บางครั้งก็ไม่ได้จำเป็นทุ กครั้งไป
หากพื้นที่นั้นไม่ได้ต่ำกว่าระดับถนน หรือเป็นพื้นที่ลาดชันมากในลักษณะภูเขา
การถมดินก็อาจไม่จำเป็นกับพื้นที่เหล่านี้ แล้วพื้นที่ไหนที่ควรทำการถมดินล่ะ
พื้นที่ที่ควรจะถมดินเป็นอย่ างมากคือ พื้นที่ที่มีความเสี่ ยงต่อการมีน้ำท่วมขัง
โดยเจ้าของที่ดินต้องมีการสำรวจประวัติของพื้นที่นั้น ๆ โดยหาข้อมูลประวัติที่ดิน
หรือสอบถามกับคนระแวกใกล้เคียง ว่ามีน้ำท่วมบ้างหรือไม่
บ่อยแค่ไหน นานเท่าไหร่ สูงมากหรือไม่เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในการถมที่ดิน
รวมถึงการสั่งดินมาเพื่อให้เพียงพอกับการถมดินด้วย
แต่หากเป็นพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับถนนมาก หากต้องถมดินบางครั้งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ราคาที่ดินเสี ยอีกก็ให้เลือกที่จะสร้างสิ่งปลูกสร้างให้ยกพื้นสูงขึ้น จะช่วยให้ต้นทุนลดลง
ไปได้
5. ทำสัญญาก่อนว่าจ้างถมดิน
เมื่อมีเรื่องเงิ นท องเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ต้องรัดกุมให้มากขึ้น โดยก่อนที่จะตัดสินใจจ้างถมดิน
ต้องมีสัญญาว่าจ้างเสี ยก่อน แต่หากทางผู้รับเหมาไม่มีให้
เราก็สามารถที่จะทำขึ้นมาเองได้เลยโดยสัญญาต้องระบุให้ครบถ้วนชัดเจนดังนี้ ประเภทดิน,
จำนวนกี่คันหรือเหมากี่เมตร, ใช้ดินอะไร,มีผู้ควบคุมงานหรือไม่, ระยะเวลาดำเนินงาน,
การชำระเงิ น รวมถึงชื่อ นามสกุล และลายเซ็นของผู้จ้างและผู้ว่าจ้าง
โดยเอกส ารนี้ต้องทำขึ้นมา 2 ชุด จากนั้นให้ลงลายเซ็นไว้ทั้ง 2 ฝ่าย และเก็บไว้กันคนละฉบับ
หากมีเอกส ารอื่น ๆ สำคัญ ก็ให้ถ่ายสำเนาแนบไปกับเอกส ารด้วย ทำไมถึงต้องทำแบบนี้
ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง เช่น ผู้รับเหมาถมดินไม่ครบตามจำนวนที่ได้ต กลง
กันไว้หนีงานโดยที่ได้รับเงิ นไปแล้ว หลักฐานที่ทำไว้เหล่านี้แหละ
จะเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีแต่หากไม่มีก็จะฟ้องกันได้ย ากมาก หรือบางครั้งก็ไม่สามารถ
ฟ้องร้องเอาผิดได้เลยทำให้เราเสี ยเ งินไปฟรี ๆ เสี ยอย่ างนั้น
6. อย่ าลืมนึกถึงเพื่อนบ้าน
การผูกมิตรกับเพื่อนบ้านไว้เป็นสิ่งที่ดีมาก ในการก่อสร้างแต่ละครั้งจะมีทั้งเสี ยงรบกวน ฝุ่น
การใช้ถนนสัญจรซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างมลพิ ษ และกระทบกับความสะดวกสบาย
ของผู้อยู่อาศัยในระแวกนั้น ดังนั้นหากเรามีการถมดินก็ให้เราแจ้งให้เพื่อนบ้าน
และในระแวกใกล้เคียงไว้ก่อน เพื่อเป็นการขออภั ยไว้ล่วงหน้า
แค่นี้เพื่อนบ้านก็จะยินดี และให้ความร่วมมือ อาจได้เพื่อนบ้านก่อนที่บ้าน
จะสร้างเสร็จเสี ยด้วยซ้ำ
7. ถมดินแล้วรอนานแค่ไหนถึงจะสร้างบ้านได้
คำถามนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่ าง ซึ่งหาข้อสรุปและตอบได้ย ากมาก
เพราะต้องคำนึงถึงสภาพพื้นดินและโครงสร้างของบ้าน ถ้าหากว่าเราได้
ทำการถมดินตามระดับปกติคือ 0.5 – 1 เมตร
และโครงสร้างเป็นการตอกเสาเข็ม เพียงแค่รดน้ำบดดินให้แน่น และต้องไม่อยู่ในฤดูฝน
ก็สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างได้เลย เพราะดินที่ถมไม่ได้รับน้ำหนัก
จากตัวสิ่งปลูกสร้างแต่หากใช้เป็นฐานแผ่ ซึ่งต้องวางไว้บนดินที่แข็งและแน่น หลังการ
ถมดินต้องทิ้งระยะเวลาไว้นานร่วมปีแต่หากจะให้แน่นอนที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
ขึ้นมาในภายหลัง ก็ควรปรึกษากับวิศวกรโยธาให้เข้ามาสำรวจดูพื้นที่ว่าพร้อมที่จะก่อ
สร้างหรือยัง หรือใช้โครงสร้างที่เป็นเสาเข็มเลยจะดีกว่ามาก
8. ใช้ดินลูกรังหรือดินดำ
ดินที่ใช้ในการถมจะมีอยู่ 2 ชนิด นั่นก็คือ ดินลูกรัง กับดินดำ ซึ่ง “ดินลูกรัง” นั้นเหมาะ
ที่จะทำการถมดินเพื่อการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ดินชนิดนี้จะได้จากการขุดดินภูเขา
แต่หากต้องการถมเพื่อทำสวนหรือปลูกต้นไม้
ควรใช้ “ดินดำ” หรือ หน้าดิน ซึ่งจะเป็นดินที่ได้จากดินนา หรือดินเก่าตามสถานที่ต่าง ๆ
เช่น ขุดสระ ขุดบ่อที่ใช้ในการทำเกษตร ดินชนิดนี้จะมีความอุดมสมบูรณมากกว่าดินลูกรัง
แต่ราคาก็สูงกว่าตามไปด้วย แต่หากในพื้นที่
ต้องการทำทั้งสิ่งปลูกสร้าง และอีกส่วนเป็นสวนก็ให้แยกและกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน
และเลือกใช้ดินให้เหมาะสมตามชนิดจะดีกว่า
9. แบ่งจ่ายเป็นงวดปลอดภัยกว่า
ในการก่อสร้างทุ กประเภท ควรแบ่งชำระเงิ นเป็นงวด ๆ ไม่ควรที่จะชำระให้ทางผู้รับเหมาก่อน
ในคราวเดียวเพราะจะทำให้เกิดปัญหางานล่าช้า ทิ้งงาน ผลงานออกมาไม่เท่ากับที่สัญญาไว้
แต่หากเราทำสัญญา
ในการแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ผู้รับเหมาก็จะเร่งงานเพื่อที่จะขอรับเงิ นตามที่สัญญาไว้เป็นงวด ๆ ไป
ก่อนจะชำระเงิ นก็ให้ตรวจดูหน้างานด้วยก็จะดีมาก ลองดูว่าเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจดีหรือเปล่า
แล้วค่อยจ่ายเงิ นก็ยังไม่สาย เพราะตามนิสัยคนไทย
แล้วมักจะขี้เกรงใจ และเห็นใจคนง่ายผู้รับเหมาจึงมักจะนำจุดนี้มาเพื่อเป็นข้อต่อรองเพื่อที่
จะรับเงิ นก่อน เช่น ต้องจ่ายเ งินให้ลูกน้องก่อน
จ่ายนู่นจ่ายนี่ส ารพัดที่เขาจะยกเอามาให้เราเห็นใจ ดังนั้นเราต้องทำใจแข็งให้มากที่สุด
และให้ยึดตามสัญญาที่ได้ต กลงกันไว้ตั้งแต่แรก
สิ่งที่ควรรู้ ในปัจจุบันภูเขาตามธรรมชาติได้หายไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการตักดินขาย
เพื่อการถมที่ดินนี่เองดังนั้นเราควรช่วยกันเพื่อไม่ให้ภูเขาหายมากไปกว่านี้ โดยการถมดิน
แต่พอดี เอาเฉพาะที่มีความจำเป็นเท่านั้น
หากเราต้องการถมดินเพื่อการก่อสร้าง หรือทำพื้นที่เพื่อประโยชน์ เราต้องศึกษาข้อมูลเหล่านี้
ให้ดีเสี ยก่อนเพื่อไม่ให้มีปัญหาขึ้นมาภายหลัง อาจด้วยการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
หรือความชะล่าใจก็ดี
ให้เรายึดตามข้อมูลที่ได้กล่าวมาข้างต้นให้ครบทุ กข้อ ก็จะทำให้การถมที่ดินดำเนินการณ์
ได้อย่ างราบรื่น และเป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายด้วย