1. พ่อกับแม่ “ภูมิใจ” ในตัวลูกมากนะ
มันอาจมีบางอย่ าง ที่ลูกทำให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจมากป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการ
แสดงความเป็นสุภาพบุรษ มีน้ำใจหรือแสดงความสามารถพิเศษให้เห็นอยู่
เสมอพ่อแม่ทุ กคนควรลองนึกดูดี ๆ ว่า จุดเด่นของลูกคืออะไร แล้วสิ่งใด
ที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขา ก็ใช้ช่วงเวลาดี ๆ
บอกให้ลูกได้รับรู้บ้างว่า “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน”เพราะ
คำพูดเพียงไม่กี่คำนี้ มันจะเปลี่ยนเป็นพลังและกำลังใจให้ลูกได้อย่ าง
มหัศจรรย์ทีเดียว
2. ลูกคือ “คนสำคัญ” ของพ่อกับแม่นะ
จริง ๆ แล้ว ข้อนี้อาจเป็นคำที่สำคัญอันดับแรก ๆ เสี ยด้วยซ้ำ เมื่อในความเป็นจริงแล้ว
ลูก คือคนสำคัญและคนพิเศษสำหรับพ่อแม่แต่จะมีสักกี่ครั้งที่พ่อแม่ ได้บอกให้ลูกรับรู้
จากปากของพ่อแม่เองบ้าง เชื่อเถอะว่าหากได้พูดให้ลูกรู้
สิ่งที่จะได้กลับมานั้นมันย่อมมีค่ามหาศาลมากกว่าเป็นไหน ๆ เพราะนั่นคือสายใยความรัก
ระหว่างพ่อ แม่ และลูกทั้งนี้พ่อแม่ทุ กคนควรกอดลูกบ้างโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น
อย่ าให้วัยที่เปลี่ยนไปมาทำให้ระยะห่างพ่อ แม่ ลูกห่างกัน
จนรู้สึกว่าการกอดนั้นเป็นเรื่องแปลก ดังนั้นการกอดลูกแน่น ๆ และบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหน
แม้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นความทรงจำที่คนเป็นพ่อ แม่ และลูกจะไม่มีวันลืมได้เลย
3. พ่อกับแม่ “ขอโ ทษ”
บางครั้งการขอโ ทษ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ย ากที่สุดที่จะพูด แล้วยิ่งคนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญ
กับความเป็นพ่อและแม่ค่อนข้างสูง ดังนั้นหากพ่อแม่ทำผิด ก็จะคิดกันแต่เพียงว่าพ่อแม่
ไม่ควรที่จะขอโ ทษลูก ยิ่งคนเป็นพ่อด้วยแล้ว อาจจะย ากขึ้นไปอีกที่จะกล่าวคำว่า “ขอโ ทษ”
กับลูกอย่ างไรก็ดีคำขอโ ทษจากพ่อแม่นั้น ลูก ๆ เองก็ควรมีเหตุผลและรู้จักบาปบุญคุณ
โ ทษด้วย เพราะลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสี ยง
หรือออกคำสั่งกับพ่อแม่ไม่ว่าจะประการใดก็ตามทั้งนี้ การที่พ่อแม่กล่าวคำขอโ ทษกับลูกเมื่อ
ทำผิ ดพลาดนั้นไม่ได้หมายความว่าลูกจะดูถู กความเป็นพ่อเป็นแม่ในทางกลับกันการที่
พ่อแม่ยอมรับ และกล้าขอโ ทษนั้น
มันยังทำให้ทุ กคนเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองเพราะกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป
อีกทั้งยังเคารพความรู้สึกของผู้อื่นด้วย
4. พ่อกับแม่ “สนับสนุน” ลูกเสมอนะ
พ่อแม่ทุ กคน ควรตระหนักอยู่เสมอว่า “ลูกไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ลูก” เพราะฉะนั้นอย่ าเอาลูก
ไปเปรียบเทียบกับตัวเองสมัยเด็ ก ๆ บางอย่ างที่พ่อแม่ชอบ ลูกอาจไม่ชอบ มุมมองที่ต่างกัน
ถ้าไม่เข้าใจกันก็ทำให้มีปัญหากันได้ และถ้าหากเด็ กบางคนถูกบังคับมาก ๆ ก็จะรู้สึกว่า
เขาไม่มีความเป็นส่วนตัว ไร้อิสระ ท้อแท้ และไม่มีความมั่นใจในตัวเองขณะที่บางคนโตมา
ในครอบครัวนักกฎหมาย แต่ต้องการเป็นนักเขียนหรือบางคนมีความต้องการใช้ชีวิตอย่ าง
ที่อย ากเป็นไม่ว่าเขาจะเลือกเป็นอย่ างไร หากสิ่งที่เขาตัดสินใจนั้น
เป็นสิ่งที่ดีพ่อแม่ก็ควรสนับสนุนพวกเขาเพียงแค่บอกว่า “พ่อกับแม่ยังคงเข้าใจและ
สนับสนุนลูกทุ กเมื่อ ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีและลูกต้องการ”
5. พ่อกับแม่ “รัก” ลูกมากนะ
แน่นอนว่าลูกคือด วงใจของพ่อแม่ แต่การที่ละเลยคำพูดง่าย ๆ และมีค่าขนาดนี้
มันก็เป็นสิ่งผิ ดพลาดที่ยิ่งใหญ่พอควร เพราะคนหลายคนไม่มีโอกาสที่จะบอกรักลูก
ในวินาทีสุดท้าย
เลยด้วยซ้ำในทางกลับกันไม่ว่าจะเป็นลูก หรือ พ่อแม่ รวมไปถึงคนทุ กคนก็ควรให้ความ
สำคัญกับความรักและคำพูดไปพร้อม ๆ กัน ก่อนที่พ่อแม่จะไม่มีลูกให้บอกรัก
หรือลูกบอกรักในวันที่สายเกินไป
ทั้งนี้อย่ ามัวแต่แสดงความรักและเชื่อว่าลูกรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
เพราะบางเวลาคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำเช่นกัน ดังนั้นบอกรักลูกบ้างเขาจะได้รู้ว่าจริง ๆ
แล้ว พ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
6. ลูกเป็น “เด็ กดี” ของพ่อกับแม่
พ่อแม่ทุ กคน ควรทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็ กก่อนว่า เด็ กทุ กคนอย ากได้รับคำชมเชย
และได้ยินคำยืนยันจากพ่อแม่อีกสักครั้งว่า เขาเป็นลูกที่ดีพอหรือไม่
ดังนั้นหากลูกเป็นเด็ กดี มีน้ำใจน่ารักกับทุ กคนพ่อแม่ก็ควรชมเชยลูกบ้างว่า “ลูกเป็นเด็ กดี
ของพ่อและแม่มาก เพราะการที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้
มันจะทำให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นและเป็นการสร้างความสัมพันธ์
ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
7. พ่อกับแม่ “เชื่อมั่น” ในตัวลูกเสมอนะ
ช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่ าง
อาจเข้ามาจนพ่อแม่ตั้งตัวไม่ติ ด ลูกอาจสูญเสี ยความมั่นใจในการตัดสินใจหรือลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หากใครเคยเจอปัญหาลูกอยู่ในช่วงสับสนแบบนี้ ลองถามตัวเองดูว่า เคยสละเวลาบอกลูกบ้างหรือไม่ว่า
“พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพ่อและแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ”
ขอบคุณที่มา : fahhsai