นิสัย แ ย่ 11 ประการที่เจ้านายต้องการให้ลาออกในสังคมที่เป็นกันเองอย่างสังคมเพื่อนหรือครอบครัว
การทำผิดเพียงเล็กน้อยยังถือว่าพอจะให้อภัยกันได้แต่ในสังคมการทำงาน เราต้องเผชิญกับความ
หลากหลายของคนและงานจึงเป็นไปได้ยากมากที่จะทำอะไรตามใจตัวเองเพราะทุกคนต่างแข่งขันกัน
และคอยเป็นหูเป็นตาให้กับองค์กรอยู่เสมอความผิดบางเรื่องที่ดูเล็กน้อยในสายตาเรา จึงเป็นไปได้
มากที่จะใหญ่โต
ระดับองค์กรและทำให้เราถูกไล่ออกได้อย่างไม่น่าสงสัยคุณอาจจะลืมไปบ้างว่าในวันแรกที่ผ่านการ
ทดสอบเข้ามาทำงานได้ คุณต้องสัญญาอะไรกั
บองค์กรบ้างมา อ่ า น ทบทวนอีกครั้งเพื่อเตือนความจำไว้ และระมัดระวังตัวมากขึ้นรู้ไว้ซะว่าถ้าทำอย่าง
11 ข้อต่อไปนี้ เจ้านายอาจจะใจดีเรียกคุณไปรับซองขาวในวันใดวันหนึ่งก็ได้
1. คุณใช้เวลานานเกินไปในการเรียนรู้งาน :
องค์กรส่วนใหญ่มักให้โอกาสพนักงานใหม่เข้ามาทำความคุ้นเคยกับ บ ร ร ย า ก า ศ การทำงานให้มากขึ้น
อาจเป็นการฝึกอบรมหรือทดลองทำงานไปสักระยะก่อนจะทำงานจริง
หากคุณไม่ พ ย า ย า ม ทำให้เต็มที่เหมือนกับที่สอบเข้ามาได้ เรียนรู้ช้าไปหรือถามแต่คำถามที่ไม่เป็นประโยชน์
เอาเสียเลย องค์กรก็มีสิทธิพิจารณาพนักงานรายต่อไปมาแทนคุณได้
2. ผัดวันประกันพรุ่ง :
คุณอาจจะรู้สึกชิลมากที่ได้เลื่อนวันส่งงานหรือไม่ส่งงานเอาดื้อ ๆ เสียเลยในสมัยที่ยังเรียนอยู่ แต่สำหรับสังคม
การทำงานความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
ให้กับองค์กรได้ ถ้าคุณเป็น 1 ในต้นเหตุที่ทำให้บริษัทต้องรวนเพราะความชิลของคุณ คุณก็เหมาะสม
แล้วที่จะถูกเชิญให้ออก
3. ขาดวิจารณญาณ :
ในการทำงาน คุณต้องมีไหวพริบมากพอที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างที่เข้ามาอย่างเหมาะสม มีเหตุผล
ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นเลขาฯ คุณต้องมีความสามารถในการเรียงลำดับความสำคัญของงาน
ของเจ้านายคุณได้ โดยไม่มีการลัดคิวกันหรือล้มเลิกคิวอย่างไร้เหตุผล
บางปัญหาที่ใหญ่เกินไป คุณต้องยอมรับว่าคุณคนเดียวไม่สามารถ
จัดการได้ดีเท่าการปรึกษาผู้รู้หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคุณลงมือไปโดยพละการ
คุณเตรียมตัวฟังเรื่องตื่นเต้นที่สุดในชีวิตการทำงานได้เลย
4. ขาดความเคารพเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน :
แม้แต่คนธรรมดายังไม่ต้องการจะอยู่กับคนที่ก้าวร้าว ห ย า บ ก ร ะ ด้ า ง ไม่มี ม า ร ย า ท
นับประสาอะไรกับองค์กรที่จะต้องแบกรับคนประเภทนี้ไว้ ทำ ล า ยองค์กรเล่น
5. มั่นใจในตัวเองสูงเกินไป :
เมื่อใดก็ตามที่ต้องการอยู่ใน “สังคม” ให้รอดก็ต้องมีการปรับตัวเข้าหาสังคมให้ได้โดยการลด ego
ของตัวเองลงเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากขึ้น ถ้ายังคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด ความคิดเห็น
ของคนอื่นก็แค่เรื่องธรรมดา เจ้านายก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้อง ท ร ม า นกักขังคุณไว้ในองค์กรอีกต่อไป
บางทีองค์กรอาจจะไม่เหมาะกับคนเก่งอย่างคุณเสียเอง
6. ทำงานล่าช้า :
สังคมทำงานคือสังคมของผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ถ้าคุณยังติดนิสัยให้ใครมาทวงงาน
ตามการบ้านให้ส่ง ก็อย่าเพิ่งมาทำงานเลย
7. มีข้อผิดพลาดในการทำงานอยู่เรื่อย :
ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็เท่ากับว่าสร้างความเสียหายให้องค์กร ยิ่งผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งไม่ต้อง
พูดถึงเลยว่าอนาคตการทำงานของคุณจะลงเอยอย่างไร ถ้าองค์กรไม่เรียกค่าเสียหายจากคุณ
ก็นับว่าเป็นพระคุณมากแล้ว
8. ลาหยุดมากเกินจำเป็น :
ไม่มีองค์กรไหนต้องการจ้างพนักงานไว้แขวนชื่อกับตำแหน่งลอย ๆ เล่น ๆ โดยที่องค์กรยังอยู่นิ่ง
ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ ถ้าคุณไม่สามารถให้เวลากับองค์กรได้ คุณก็อย่าเข้ามามีส่วนได้
ส่วนเสียกับองค์กรอีกเลย
9. ไม่ทำงานตามวัตถุประสงค์ :
ถ้าความคิดเห็นและความสามารถของคุณไม่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรเลยสักนิด
คิดเสียว่าคุณโชคดีที่มีโอกาสสอบเข้ามาได้และได้เห็น บ ร ร ย า ก า ศ จริงอยู่บ้าง
แต่มันเป็นเรื่องโ ช ค ร้ า ย เสียจริงที่องค์กรไม่อาจจะให้คุณอยู่ต่อไปนาน ๆ
10. โ ก ห ก จนเป็นนิสัย :
ไม่ว่าจะเรื่องเล็กอย่างหาเหตุผลปลอม ๆ มาขอ ลาหยุด, ปลอม เ อ ก ส า ร , ปลอมลายเซ็น,
รายงานผลการทำงานเท็จล้วนแต่เป็นการสร้างความเสียหายให้องค์กรอย่างหนึ่ง และอาจได้รับโทษ
ทาง ก ฎ ห ม า ย เป็นของแถม
11. ทัศนคติติดลบ มองโลกใน แ ง่ ร้ า ย :
ถ้าสังคมการทำงานมันทำให้ชีวิตคุณไม่มีความสุขมากจนถึงกับต้องแสดงออกด้วย กิ ริ ย า ท่าทาง
ไ ร้ ม า ร ย า ท ห ย า บ ค า ย ส่อไปในทางที่ไม่ชอบอยู่เสมอ คุณควรพาตัวเองออกมาเพื่อ
ความสบายใจโดยส่วนตัวมากที่สุด แล้วอย่าหันหลังกลับไปอีก องค์กรเอง
ก็ไม่อยากรับมือกับความ เ สี่ ย ง จากอารมณ์ ชั่ ว วู บ ของคน คิ ด ร้ า ย
ที่จะเกิดในวันใดวันหนึ่งขึ้นมาก็ได้
งานไม่เหมาะกับคุณ หรือตัวคุณไม่เหมาะกับงาน ลองถามใจตัวเองดูให้ดี
มีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่หาคำตอบได้และรู้ว่าควรทำอย่างไร อย่ารอให้ใคร
มาเตือนก่อน เพราะในเวลานั้นมันอาจสายเกินไปเสียแล้ว
ขอขอบคุณ jeeb