1. เผลอเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น
เพราะ การเปรียบเทียบจะเป็นการสร้างความรู้สึก ด้อยให้เกิดขึ้นในชีวิต ของลูก ๆ ซึ่งเป็น อั น ต ร า ย ต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ
ของเด็กอย่างมากถึงแม้การพูดในลักษณะนี้จะเป็น การที่อยากจะให้ลูกได้พยายามปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นแต่ก็อาจทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่า
และมองว่าไม่เก่งเท่าคนอื่น ๆอาจจะเลิกพยายามทำหรือยอมแพ้ หรืออีกมุมหนึ่งคือ เด็กอาจเกิดความคิดหาทางกลั่นแกล้ง
ทำ ล า ย คู่แข่งคนอื่น ๆ ได้ซึ่ง คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ควรเข้าใจว่าพื้นฐานของเด็กแต่ละคนนั้น ตลอดจนความสามารถนั้นแตกต่างกัน
ควรจะมองและชื่นชมลูก ในสิ่งที่เขาสามารถทำได้และถนัดมากกว่าการใช้คำพูดเพื่อ ทำ ลา ย ความรู้สึกของลูก ๆ
ด้วยการเปรียบเทียบ หรือเพื่อต้องการให้ลูกเก่งกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในทุกด้าน
2. เผลอบอกว่า “ไม่รัก” แล้ว
จริง ๆ แล้วไม่มี คุณพ่อ คุณแม่คนไหนที่ไม่รักลูก แต่ก็ไม่ควรนำความรักมาใช้เป็นเงื่อนไข ต่อรองกับลูก ซึ่งการพูดไม่รักบ่อย ๆ
เป็นการ บั่ น ท อ น ความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ ของลูกอย่างมาก พ่อแม่บางคนอาจบอกว่าไม่รักเพื่อให้ลูกเชื่อฟังแต่หารู้ไม่ว่า
วิธีนี้อาจทำให้เด็กรู้สึกคิดจริงจังก็ได้
ว่าพ่อแม่ไม่รักจริง ๆ และรู้สึก เ จ็ บ ปว ด มากที่สุดอาจจะไม่ทำตาม ในสิ่งที่พ่อแม่บอกแล้ว เพราะไม่มีประโยชน์อะไร
ที่เขาจะทำดีหรือเชื่อฟังเมื่อพ่อแม่ไม่รัก ซึ่งเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กมาก
ดังนั้น หากคุณจะตำหนิลูกที่มีพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม ควรว่ากล่าวด้วยเหตุผลมากกว่าการบอกว่า
“ถ้าทำตัวแบบนี้พ่อแม่ไม่รักนะ” ดีกว่าค่ะ
3. เผลอเพิกเฉย ไม่สนใจ
การแสดง ความไม่สนใจต่อลูกนั้น ในกรณีที่ คุณพ่อ คุณแม่ ตั้งใจแสดงออกให้ลูกเห็น ว่าการเรียกร้อง แสดงความสนใจเพื่อที่จะให้พ่อแม่ตามใจ
เช่น การร้องไห้ชักดิ้นชักงอ หรือการเดินหนีออกจากพ่อแม่นั้นไม่ได้ผลวิธีนี้ ถือเป็นการช่วยฝึกวินัยของลูกให้เรียนรู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้
ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ได้
และลูกก็จะไม่ทำอีก แต่กลับกัน หากพ่อแม่เอาแต่สนใจ อย่างอื่นโดยที่ไม่สนใจลูก เพิกเฉยต่อการที่ลูกจะเข้ามาเล่นด้วย
หรืออวดสิ่งของที่ลูกได้ทำเอง ถือเป็นการ ทำ ร้า ย ต่อจิตใจลูกมากนะคะ
4. เผลอต่อว่าลูกต่อหน้าคนอื่น การดุด่าว่ากล่าวลูกต่อหน้าคนอื่น
ถือเป็นการ ทำ ร้ า ย จิตใจลูกอย่างมาก คุณพ่อ คุณแม่ ต้องคิดเสมอว่า เด็ก ๆ ก็มีความรู้สึกอาย และ
เสียหน้าเป็น ดังนั้นหากลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมควร
ค่อย ๆ พูดกับลูกในระดับที่เสมอกันด้วยน้ำเสียง ที่อ่อนโยนและเป็นมิตร ซึ่งไม่ควรเผลอที่จะตะคอก
หรือโดยวายลูกต่อหน้าคนอื่นหรือที่สาธารณะนะคะ
5. เผลอ ข่ ม ขู่ หรือทำให้กลัว
เด็ก ๆ มักจะกลัว เสียงดุ จากคุณพ่อ คุณแม่อยู่แล้ว เนื่องจากลูกยังไม่สามารถเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีเกือบทั้งหมด
การเรียนรู้ครั้งแรกหรือการทำผิดพลาด อาจทำให้ลูกเกิดความไม่กล้า ในครั้งต่อไปหากพ่อแม่ใช้วิธีการขู่มาเป็นข้อห้าม
หรือ หลอกเพื่อไม่ให้ลูกได้ทำสิ่งต่าง ๆ
เช่น “ออกไปนอกบ้าน ระวังตำรวจ จับ นะ” หรือ “ถ้าซนมากๆ เดี๋ยวตุ๊กแกกิน ตั บ นะ” การขู่ในลักษณะแบบนี้หากทำบ่อย ๆ
ลูกจะซึบซับและจะกลายเป็น การกลัวฝังใจ กลัวแม้กระทั่งเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ทำให้เด็กกลายเป็นคนขี้กลัว
ซึ่งความกลัวเหล่านี้จะเป็นสาเหตุ ให้เด็กเก็บไปฝัน
และนอนผวาในตอนกลางคืนได้ถือเป็นการ บั่ น ทอ น สุ ข ภา พ ของเด็กอย่างมาก สำหรับเด็กแล้ว เรื่องของจิตใจ
กับความรู้สึกถือ เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ ไม่น้อยกว่าการเอาใจใส่ดูแล สุ ข ภา พ ร่า ง กา ย เพราะสองอย่างนี้จะเติบโต
คู่ไปกับลูกดังนั้น พ่อแม่ไม่ควรเผลอ
กระทำสิ่งเหล่านี้ลงไปให้ลูกรู้สึก แ ย่ หรือไม่ดี เพื่อให้ลูกได้เติบโตมาเป็นเด็กที่มีอารมณ์ดี มีจิตใจมั่นคงและ
ร่า ง กา ย ที่แข็งแรงในอนาคตนะคะ
ขอขอบคุณ t h.t h e a s i a n p a r e n t