มีคุณแม่คนหนึ่ง สามีเสี ยไปนานแล้วเธอสอนหนังสือหาเ งินเลี้ยงลูกชายจนโต
เด็ กชายเป็นคนเชื่อฟังตั้งแต่เด็ กพอลูกโต เธอก็ส่งลูกไปเรียนอเมริกา
พอลูกเรียนจบก็อยู่ทำงานต่อที่อเมริกาหาเงิ นซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูกหนึ่งคน
สร้างครอบครัวที่แสนสุขคุณแม่คนนี้ ตั ดสินใจย้ายไปอยู่กับลูกชาย
ลูกสะใภ้และหลานที่อเมริกาหลังเกษียณ มีความสุขในบั้นปลายชีวิตแล้ว
3 เดือนก่อนที่เธอจะเกษียณ เธอได้เขียนจดหมายไปหาลูกชาย บอกความ
ปรารถนานี้กับเขา ว่า ตัวเธอเองคิดถึงประโยคที่ว่า
มีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอนแ ก่ คิดถึงสายตาอิ จ ฉ าของญาติ และเพื่อนฝูงเธอมีความ
สุขจากใจ ระหว่างรอจดหมายตอบจากลูกชายเธอก็จัดการเ รื่ อ งบ้านและงานจนเรียบ
ร้อย คืนสุดท้ายก่อนเธอจะเกษียณเธอก็ได้รับจดหมายที่ส่งมาจากอเมริกาของลูกชาย
พอเปิดออกดูข้างในก็เป็นเช็คมูลค่า 3 หมื่นเหรียญดอลล่าห์ เธอรู้สึกแปลกใจมาก
เพราะลูกชายไม่เคยส่งเงิ นให้เธอมาก่อน เธอรีบเปิดจดหมายออกอ่ า นใน
จดหมายเขียนว่า“แม่ครับ พวกเราได้คุยกันแล้ว ตั ดสินใจ และสรุปว่า พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่
ด้วยกันที่อเมริกาถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูผมมาคำนวณตามราคาตลาด
ก็ประมาณ 2 หมื่นกว่าเหรียญ ผมก็เลยเพิ่มให้นิดหน่อยแล้วส่งเช็ค 3 หมื่นมาให้แม่
หวังว่าต่อไปนี้แม่จะไม่เขียนจดหมายมาอีก”แม่อ่ า นจดหมายฉบับนั้นจบก็น้ำตาไหลพราก
รู้สึกว่าตัวเองเป็นม่ายมาตลอดชีวิต จากนี้ไปต้องแ ก่อย่ างโดดเดี่ยวเธอเจ็ บปว ดจนไม่อย า ก
มีชีวิตอยู่ เวลาต่อมาเธอก็ศึกษาพ ระพุทธศ าสนา หลังศึกษา เธอก็คิดได้เธอใช้เ งิน 3 หมื่นเหรียญ
เอาไปเดินทางเที่ยวรอบโลก ได้เห็นสิ่งใหม่ มากมายหลังจากนั้นเธอจึงเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ
ถึงลูกชาย ในจดหมายว่า “ลูกรัก ลูกไม่อย า กให้แม่เขียนจดหมายมาอีกก็ถือซะว่าจดหมายฉบับนี้เป็นข้อ
ความเพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วละกันแม่ได้รับเช็คแล้ว และใช้เงิ นจำนวนนั้นไปเดินทางรอบโลกระหว่างเดินทางท่องเที่ยว
อยู่ แม่ก็รู้สึกว่า แม่ควรขอบใจลูกขอบใจที่ทำให้แม่เห็นอะไรทะลุ ปรุโปร่ง ปล่อยวางทำให้แม่ได้เห็นว่า
ความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน และคนรักไม่มีรากหยั่งลึก เปลี่ยนแปลงได้เสมอถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ต ก ยังยึดติ ด ยังทุ กข์อยู่
แม่คงต า ยไปภายในปีครึ่งปี การปฏิเสธของลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเรามีวาสนาก็ได้เจอ
หมดวาสนาก็จากกัน ทุ กอย่ างไม่เที่ยงแท้ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบและใจเย็น มองทุ กอย่ างในเชิงบวก
แม่ไม่มีลูกแล้วไม่มีอะไรให้เป็นห่วง เพราะงั้นแม่ถึงสามารถอยู่ได้โดยไม่มีมัน“พ่อแม่ที่น่าสงส าร” คนเป็นพ่อแม่อย า ก
มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดมีคนกล่าวไว้ว่า บ้านของพ่อแม่คือ
บ้านของลูกตลอดเวลาบ้านของลูกไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่ การให้กำเนิดลูกเป็นงานที่ต้องทำ
การเลี้ยงดูลูกเป็นภ าระหน้าที่ การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจผิด ช่างเป็นเ รื่ อ งราวที่ไม่น่าฟัง
แต่ก็ไม่ฟังก็ไม่ได้แม้ว่าไม่ใช่ลูกทุ กคนจะเป็นเหมือนลูกชายในเ รื่ อ งที่ไม่มีหัวใจแต่คนเป็นพ่อแม่
ไม่ควรคิดว่าแ ก่แล้วจะพึ่งพาลูก พูดกันตามตรงแ ก่แล้วต้องดูแลตัวเอง ลูกกตัญญูต่อคุณถือเป็นบุญ
ถ้าลูกกตัญญูไม่พอพ่อแม่ก็บังคับไม่ได้ วิ ธีที่ดีที่สุดคือ วางแผนชีวิตพึ่งพาตัวเองตอนแ ก่ไว้
จากมุมมองของสังคม การมีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอนแ ก่เป็นความปรารถในใจ แต่ในยุคปัจจุบัน
เศรษฐกิจ สังคม วัตถุนิยมวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ในปัจจุบันคือคนยุคใหม่เปลี่ยนไป
คนอายุมากยังยึดติ ด การที่คนอายุมากยึดแนวความคิดว่า
มีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอนแ ก่ไม่เหมาะสมกับอีกต่อไป สิ่งที่ตามมาคือโศ กนาฏก รรม
ขอบคุณที่มา : parinyacheewit