ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร
ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า ผมถูกใส่ร้ าย ผมไม่ได้ขโมยเ งินในหอพ ระ
แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ทุ กคนก็หาว่าผมเป็น ข โ ม ย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ๆหลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจ
แล้วสอนลูกศิษย์ว่า เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน
คนแรกคือ คนที่เราอย ากจะเป็น
คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา
คนเราล้วนมีความฝัน ความทะย านอย ากตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่ง เ ล ว ร้ าย บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน
เช่น บางคนอย ากเป็นนักร้อง เป็นนักมวย เป็นดารา ถ้าถึงจุดหมาย เราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม
ดังนั้น เราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจมาถึงไอตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัด เ ยี ย ด ให้เป็น บางครั้งก็ยัด เ ยี ย ด
ว่าเราดีเลิศจนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ
แต่บางครั้งไอตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์ จนไม่อย ากจะนึกถึงซ้ำร้ ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่นมันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่น
ยื่นให้อย่ างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ
เช้ามาพบ ศ พ ใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนี ทั้งที่ ศ พ นั้น ถู ก ร ถ ช น ต า ย อีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคน ก็ตั ด สินไปแล้ว
ว่าเขาเป็น ฆ า ต ก ร สมัยที่หลวงตา ยังไม่ได้บวช เคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว
เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่องชาวบ้านซุบซิบนินทา หาว่าเป็นชู้ กับเมียชาวบ้านคนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่ ห ย า บ ช้ า
ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่น ผ่ านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม
เจ้าต้องจำไว้นะ ทุ กครั้งที่เราว่าคนอื่นเ ล ว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำ
ในใจตัวเองออกมา เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตื อนตัวเองว่า อย่ าทำ
อย่ าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ าย นินทา เรียกว่าวิถีของคนพาล
แล้วเราต้องทำตัวอย่ างไรล่ะครับ ในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์
เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เราห้ามใจใครไม่ได้
สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัด เ ยี ย ด ให้เราเราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ
เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระ
ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่า ส ง ส า ร มีเวลามองคนอื่น
แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม
เข้าใจครับหลวงตา เ ด็ ก น้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง
ขอบคุณที่มา : ส ถ า นี ค ว า ม สุ ข