เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมา ที่ฟังดูแล้วมีความเป็นเหตุเป็นผลแห่งพุทธอย่ างแท้จริง
เรื่องมีอยู่ว่า.. สมัยพุทธก าล มีคนถามพ ระพุทธองค์ว่า ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร
พ ระพุทธองค์ตอบว่า “ไม่ได้อะไรเลย”
เขาจึงถามต่อไปว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านจะปฏิบัติไปเพื่ออะไร”
พ ระพุทธองค์ทรงแย้มพ ระโอษฐ์ ตรัสว่า
“ตถาคตสามารถบอกเธอถึงสิ่งที่หายไป นั่นก็คือ ความโกรธได้หายไป ความหม่นหมองวิต กกังวลหายไป
ความเศร้าท้อแท้หายไป ความกังวลไม่สบายใจหายไป ความเห็นแ ก่ตัว โล ภะ โทสะ โมหะ พิ ษร้า ยทั้งสามก็หายไป
อวิชา คือความไม่รู้ที่ปิดกั้นปุถุชนทั้งหลาย ก็ได้สูญสิ้นไป”
พูดเหมือนง่าย แต่เหตุผลนั้นมันลึกซึ้ง คนทั้งหลายที่มาสู่โลกนี้ มีเพียงสองเรื่องคือ เกิดกับตา ยเรื่องแรกทำสำเร็จไปแล้ว
ส่วนอีกเรื่องนั้น เราจะทุ กข์ร้อนไปทำไมพ ระท่านว่า ไม่ว่าอะไรก็ตาม ย่อมมีเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
และมีจากไปเป็นธรรมดาคนไม่มีปัญญามัวแต่ไปคิดว่ามันไม่ธรรมดา คิดว่ามันต้องอยู่กับเราตลอดไปไปรั้งมัน ไปยึดมั่น
ถือมั่น คิดว่าต้องสวยแบบนี้ ต้องดีแบบนี้ ต้องรักกันแบบนี้ตลอดไป
ไปคาดหวังมัน เราก็เลยทุ กข์ แท้ที่จริงแล้ว ตอนมันจากไป ก็เป็นธรรมดาของมันมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับมันไม่ได้หรอกหนา
มีวาสนาก็มา .. ไม่มีวาสนาก็ไปสิ่งใดที่สมควรแ ก่เหตุก็มาเอง
สิ่งใดที่ไม่สมควรแ ก่เหตุจะแสวงหาก็ไม่พบ อ้อนวอนก็ไม่สำเร็จมีวาสนาก็ไม่ปฏิเสธ ไร้วาสนาก็ไม่ต้องแสวงหา สิ่งที่เข้ามาหาก็ต้อนรับ
สิ่งที่จากไปก็ไม่ต้องอาลัยทุ กสิ่งทุ กอย่ างแล้วแต่วาสนา ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น
ผู้มีปัญญาทั้งหลายไม่เอาชีวิตไปขึ้นอยู่กับปากและตาของผู้อื่น… ให้มองเห็นจิตและใจของตนเองมีสติ รู้จิต ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ดิ้นรนแสวงหา
ในสิ่งที่หลอกลวงทั้งหลายใจเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง จะร้อนจะหนาว จะลุกจะนั่ง จิต
ก็มีสติอยู่เสมอ นี่แหละคือการปฏิบัติธรรมเกิดเป็นคน.. อย่ าเป็นคนหลอกลวงไร้สัจจะ ถ้าเป็นคนหลอกลวง จะไม่สามารถเปิดใจต่อผู้อื่นได้
ความทุ กข์ที่สุดของมนุษย์ คือ “ใจที่ไร้ที่พึ่ง”
ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม จิตที่ดีงามย่อมไม่มีเรื่องทุ กข์ใจ
จิตที่ประเสริฐ ย่อมไม่มีผู้ที่จะต้องเคียดแค้นชิงชัง จิตที่เรียบง่าย ย่อมไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ
เป็นคนดี กายใจซื่อตรง ย่อมหลับเป็นสุข ผู้ประกอบก รรมดี ฟ้าดินย่อมมองเห็น ผ ีสางเทวดาย่อมสรรเสริญ
ความสงบที่แท้จริงมิได้เกิดจากการนั่งนิ่ง ๆ หลายชั่ วโมงแต่เกิดจากการมองผู้คนและสิ่งทั้งหลายด้วยใจที่สงบ
ได้ยินแม้แต่เ สียงด อกไม้บาน นั่งก็เป็นสมาธิ เดินก็เป็นสมาธิเหตุเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ว่างเปล่า ทุ กสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุ กคน
ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้แต่เพียงเกี่ยวข้องแล้วก็ผ่ านไป
พวกเราทุ กคนเป็นเพียงแขกผู้ผ่ านก าลเวลาเท่านั้น วันหนึ่งเราก็ต้องบอกลาทุ กสิ่งไปทุ กสิ่งที่ปรากฎต่อหน้าเรานั้นควรจะทนุถนอม
แต่สิ่งที่ผ่ านไปแล้วก็ไม่ควรต้องอาลัยสิ่งใดที่ควรได้ก็ให้รับเขา ด้วยความยินดี แต่ไม่ยึดถือ
ขออวยพรแด่ทุ กคนที่มีวาสนาได้เกิดมาร่วมโลกกัน.. เป็นครอบครัวเดียวกัน.. เป็นญาติสนิทมิตรสหาย..
รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงมีความสุข เบิกบานใจทุ กวันคืน
ขอบคุณที่มา : dhammasawatdee