1. ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย
คนร่ำร วยจะแบ่งเวลาในหนึ่งวันอย่ างน้อย 30 นาที
เพื่อออกกำลังกายเพราะเขาเชื่อว่าการออกกำลังกาย
คือการเสริมสร้างสุ ขภาพให้แข็งแรง
และช่วยทำให้สม องปลอดโปร่งแจ่มใส ซึ่งจากผลการวิจัย
พบว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำในตอนเช้าจะมีความคิด
สร้างสรรค์ สม องปลอดโปร่งและมีอ ารมณ์ดีมากกว่าผู้ที่
ไม่ออกกำลังกาย
2. อ่ านหนังสือเพื่อหาความรู้
การอ่ านคือการสะสมอาวุธทางปัญญา ส่วนใหญ่แล้วผู้มีฐานะ
มั่งคั่งนั้นมักจะอ่ านหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยว
กับการลงทุนทางการเ งินหรือหนังสือที่เสริมสร้างความคิด
ซึ่งหนังสือเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ผู้อ่ านได้รับประโยชน์
อย่ างมากคนร วยยังคงอ่ านหนังสือเพื่อความบันเทิงด้วย
เช่นกันเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานและสร้าง
อ ารมณ์ขันให้กับตนเองไปในตัว
3. ใช้เวลาเล่นสมาร์ทโฟนไปในสิ่งที่เป็นประโยชน์
ผู้มีฐานะร่ำร วยมักจะใช้สมาร์ทโฟนสำหรับอ่ านข่าวส าร เสาะ
แสวงหาความคิดดี ๆจากแหล่งความรู้ภายในอินเทอร์เน็ต
ซึ่งแต กต่างกับคนทั่วไปที่มักใช้เวลาไปกับโซเชียลเน็ทเวิร์ค
หรือเล่นเกมทางสมาร์ทโฟนซึ่งความเป็นจริงแล้ว “สมาร์ทโฟน”
ถือเป็นเครื่องมือที่ให้ประโยชน์ได้มากกว่าการเล่นโซเชียลมีเดีย
ซึ่งคนร วยก็ยังคงใช้โซเชียลมีเดียในการทำเงิ นให้กับพวกเขา
ด้วยเช่นกันขอเพียงแต่ผู้ใช้รู้จักเลือกรับข้อมูลข่าวส าร
และเลือกช่องทางให้ถูกต้องเหมาะสม
4. มีเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จอย่ างแท้จริง
คนร วยมักมีแนวคิดที่ต่างจากคนทั่วไป เนื่องจากเขาเหล่านั้นจะมีเป้าหมาย
ที่แน่นอนและมั่นคงคนร วยจะไม่เปลี่ยนเป้าหมายอย่ างง่าย ๆ
เพียงเพราะประสบความล้ มเหลวจากสิ่งที่ทำเพื่อเป้าหมายในครั้งหรือสอง
ครั้งแรกคนธรรมดาบางคนอาจมีนิสัยท้อแท้ง่าย เปลี่ยนเป้าหมายบ่อย
ลองปรับทัศนคติและมุมมองต่อเป้าหมายพร้อมทั้งมุ่งมั่นเพื่อไปให้ถึง
เป้าหมายที่ตั้งไว้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องนำพาไปสู่ความสำเร็จอย่ างแน่นอน
5. จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน
คนร วยส่วนใหญ่จะจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า
เขาจะไม่หลงลืมในการทำบางสิ่งบางอย่ างและไม่พลาดต่อการนัดหมาย
ที่สำคัญ นอกจากนี้การจดบันทึกสิ่งกิจกร รมที่ต้องทำในแต่ละวันยังช่วย
ให้ทราบถึงขอบเขต การทำงานในแต่ละวันว่ามากหรือน้อยเพียงใดเพื่อ
จะจัดสรรเวลาให้ทำงานในวันนั้น ๆ
สำเร็จลงได้ทันกำหนดเวลาในทางตรงกันข้าม หากละเลยจดลิสต์รายการที่
ทำในแต่ละวันผลที่ตามมาคือการหลงลืมบางสิ่งบางอย่ างซึ่งจะส่งผลกระทบ
ต่อการงานและธุรกิจได้เลยทีเดียว
6. ดูแลเอาใจใส่ลูก
คนที่มีฐานะร่ำร วยจะดูแลลูกด้วยความตั้งใจ พย าย ามสอนการบ้าน ให้เวลากับ
ลูกมากเท่าที่จะทำได้เพราะคนร่ำร วยเชื่อว่าความอบอุ่นเท่านั้นทำให้ลูกเป็นคน
ดีได้คนร วยมักจะถ่ายทอดประสบการณ์ทางการ
ทำงานแนวคิดในการดำรงชีวิต อีกทั้งเขาจะพย าย ามบ่มเพาะความคิดและลักษณะ
นิสัยดี ๆ ให้กับลูกไม่ว่าจะเป็นนิสัยขยัน อดทน ไม่เกียจคร้านสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วย
สำคัญให้ลูกของคนที่มีฐานะมั่งคั่งสามารถสืบสานเจตนารมณ์ของพ่อแม่ที่ร่ำร วย
7. รักการเรียนรู้
คนร วยเชื่อว่าชีวิตคือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น การเรียนรู้ไม่ขึ้นอยู่กับอายุ
หรือฐานะทางการเงิ นแต กต่างจากคนธรรมดาที่เมื่อก้าวสู่การทำงานแล้ว
มักจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ซึ่งความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิด
เพราะการเกียจคร้านที่จะเรียนรู้จะทำให้พลาดโอกาสสำคัญในชีวิตได้ยกตัวอย่ าง
เช่น คนที่มีฐานะร่ำร วยบางคนเรียนต่อเฉพาะทางหรือเรียนปริญญาโท
เพื่อนำความรู้ที่ได้จากการเรียนมาปรับใช้ในการทำงานนั่นเป็นเพราะแนวคิดของเขา
ที่ว่า“เพราะทุ กคนไม่ได้รู้ทุ กสิ่ง” การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
8. ตื่น แต่เช้าตรู่
หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “การตื่นเช้าเปรียบเสมือนได้กำไรชีวิต”
ซึ่งความคิดนี้มีมานานนับตั้งแต่อดีตและยังคงใช้ได้ดีในปัจจุบัน
เพราะการตื่นเช้ากว่าปกติจะทำให้เรามีเวลาสำหรับคิด ไตร่ตรอง ใคร่ครวญถึงสิ่ง
ที่ต้องทำในวันนี้บางครั้งความคิดดี ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจก็จะเกิดขึ้นในขณะที่ตื่นนอน
ตอนเช้านั่นเอง
เพราะย ามเช้าเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบและได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง การตื่นเช้ายังช่วย
ให้ร่ างกายได้รับอากาศอันบริสุทธิ์ช่วยให้มีสมาธิและไอเดียในการสร้างสรรค์ธุรกิจ
หรือการทำงานอีกด้วย
9. ไม่มุ่งหวังเ สี่ยงโ ชค
คนที่มีฐานะร่ำร วยจะไม่คิดถึงการเ สี่ยงโ ชคเพื่อให้ได้เงิ นมา ยกตัวอย่ างเช่น
การเล่นพนั น การซื้อล็อตเตอรี่เพราะเขาเหล่านั้นรู้ดีว่าเงิ นที่ได้รับจากการ
เ สี่ยงโช คคือเงิ นที่ไม่ยั่งยืน วันนี้โ ชคดี ได้รับเงิ นจากการเ สี่ยงโ ชคมามากมาย
วันรุ่งขึ้นอาจเสี ยเงิ นจำนวนนั้นไปได้โดยง่ายเพราะการได้เ งินมาง่ายก็ทำให้เงิ น
นั้นเสี ยไปง่ายได้ด้วยเช่นกันเงิ นจากการเ สี่ยงโ ชคจึงแต กต่างกับการหารายได้
ด้วยตัวเอง เงิ นที่หามาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองเราจะใช้มันอย่ างคุ้มค่าและรู้จักคุณ
ค่าของความย ากในการได้มามากกว่า
10. ไม่ใช้เวลาอย่ างสิ้นเปลืองไปกับการชมละคร หรือซีรีส์มากเกินไป
การติ ดตามชมละครหรือซีรีส์จนเรียกว่า “เส พย์ติ ด” เป็นการเผาผลาญเวลาไปโดย
เปล่าประโยชน์เพราะเวลาที่ใช้ในการชมละคร หรือซีรีส์นั้นนับเป็นเวลา 2 – 3 ชั่ วโมง
ต่อวันเลยก็ว่าได้
ซึ่งหากเรานำเวลานี้เพื่อไปสร้างให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อันที่จะเป็นประโยชน์จะดี
กว่าคนร วยมักเลือกดูสิ่งที่เป็นส าระมากกว่าการดูหนัง ดูละคร ถึงอย่ างไรก็ตามการ
ชมข่าวหรือรายการที่เป็น
ประโยชน์คือสิ่งที่สำคัญเพราะข่าวส ารอันทันสมัยจะทำให้ความคิดก้าวไกลมากยิ่งขึ้น
ทำให้เรามีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงไปของสังคม
ขอบคุณที่มา : forlifeth