อย่ าถือไป ทุ กเรื่อง ให้เคืองขุ่น คนบ้าวุ่น วายไป ใยถือสา
อย่ าว่าใคร ไม่ดี ที่ระอา คนเ ม ามา อย่ ายุ่ง มุ่งทำล าย
ใครนินทา ว่าร้ าย หมายอาฆาต เราอย่ าข าด สติพา ปัญญาหาย
อย่ าเอามา เป็นทุ กข์ สุขกลับกลาย ใส่ใจหมาย มุ่งมั่น ไม่หวั่นใจ
การนินทาว่าร้ าย การใส่ร้ ายป้ายสี การสร้างเรื่องไม่ดี
สิ่งเหล่านี้ไม่ควรกระทำ อย่ าเอาคำพูดของเรา ไปทำร้ ายคนอื่นเขา ทำให้เขาเป็นทุ กข์
ตัวเราก็ไม่สุขเช่นกัน คำพูดก่อนจะพูดเราเป็นนายมัน แต่เมื่อพูดไปแล้วคำพูดนั้นมันคือนายเรา
เมื่อถูกนินทาให้คิดเ สียว่า
ใคร ๆ ก็ถูกนินทาได้ทั้งนั้น ดีไม่ดีตัวเรารู้ดีกว่าใคร ๆ อย่ าสนใจกับคำนินทา พร ะพุทธเจ้าตรัสว่า
คนไม่ถูกนินทาในโลกนั้นไม่มี เราจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม จะมีคนพูดถึงเราในทางไม่ดีเสมอ
เพราะว่าคนเราเห็นอะไรต่างกัน
ถ้าหากว่ามุมมองที่ต่างกันนั้น ประกอบอยู่ด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี ความรู้สึกที่จะเอาเข้าตัว
หรือว่าความรู้สึกอย ากแข่งได้ชิงดีอะไรก็ตาม มันจะทำให้เกิดความรู้สึกอย ากนินทา
อย ากพูดถึงในทางไม่ดีขึ้นมาเสมอนะครับ
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมประเภทชอบนินทา อันนี้เป็นการทำความเข้าใจอันดับแรก ซึ่งรู้ ๆ กันอยู่
แต่ว่ามันเข้าไม่ถึงใจ สิ่งที่เราอย ากหลบจริง ๆ ไม่ใช่เ สียงภายนอก แทนที่จะมองว่าจะแก้
ปัญหาข้างนอกอย่ างไร
ขอให้มองว่าสิ่งที่เราอย ากหลบจริง ๆ เนี่ย คือความรู้สึกไม่ดีที่มันเกิดขึ้นในใจเราเอง เ สียงภายนอก
เราไม่สามารถจะควบคุมได้ ไม่สามารถจะตามทำความเข้าใจได้หมดได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของเรา
คือความขัดเคือง ความรู้สึกไม่ดี ความรู้สึกแ ย่ ๆ อันนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถจะตามรู้ได้
ตามทำความเข้าใจกับมันได้ โทสะที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะร้อนขนาดไหน ไม่ว่าจะเกิดยืดย าวขนาดไหน
ในที่สุดมันจะแสดงความไม่เที่ยงออกมา
แผ่เมตตาให้เขาหยุดนินทาได้ไหม ?
ถ้าในตอนแผ่เมตตา เราเต็มไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย บางทีมันก็เหมือนกับแผ่ความร้อน
หรือว่าแผ่ความกระวนกระวายไป เหมือนเอาตัวกระตุ้นหรือว่ายั่วยุ ให้เขาอย ากจะกลับมาทิ่มแ ทงเราอีกได้
วิ ธีเจริญสติรับมือเ สียงนินทา
ณ เวลาที่เขานินทาเรา แล้วเราเกิดความทุ กข์ อย่ าพย าย ามฝืนไม่ให้เกิดความทุ กข์ ให้ยอมรับตาม
จริงว่ามันเกิดความทุ กข์ขึ้นมา แล้วให้ฝึกจนกว่าจะชิน ให้ฝึกจนกว่ามันจะได้ ถามตัวเอง
ลมหายใจนี้ทุ กข์ขนาดไหน
แล้วก็ค่อยสังเกตเอาว่า ลมหายใจเข้าใหม่ ลมหายใจออกใหม่ ยังทุ กข์เท่าเดิมอยู่ไหม?
ยอมรับไปทีละลมหายใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจของเรา เอาความทุ กข์ที่เกิดขึ้นมาใช้ประโยชน์ว่า
มันแสดงความไม่เที่ยงให้ดูอย่ างไร ในแต่ละลมหายใจ
ความทุ กข์จะสอนให้เรามีความสุขอย่ างแท้จริง ตอนที่เข้าใจความจริงได้ว่า ลักษณะความทุ กข์มันต่าง
ไปเรื่อย ๆ นะครับ ความสุขอันเกิดจากการที่เรา เห็นความไม่เที่ยงของสิ่งใด แล้วเราไม่ยึดสิ่งนั้น
มันเป็นความสุขที่แท้จริง มันทำให้จิตของเราสงบอย่ างแท้จริง
ความสุขสามารถละลายพฤติก รรมคนได้
ความสุขความเบานั้นเป็นมิตรกับคนทั่วไป มันสามารถละลายพฤติก รรมบางอย่ างของคนได้
เวลาที่ใจของเราเบา ไม่ยึดเอาโทสะเป็นที่ตั้งเป็นที่โฟกัส แม้ว่าจะถูกนินทา แม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้ง
พอนาน ๆ ไป คนที่เขาจงใจนินทาจงใจกลั่นแกล้งเรา
เกิดความรู้สึกว่าเอาชนะเราไม่ได้ ในที่สุดเขาจะยอมแพ้ไปเอง จิตคนโดยธรรมชาติ ดั้งเดิมเลย
มีความอ่อนแอ มีความปวกเปียก เมื่อพย าย ามอะไรมาก ๆ เข้า แล้วประสบความล้ มเหลวตลอด
ในที่สุดมันจะแพ้ภั ยตัวเอง พย าย ามจะไปทำเขา
เสร็จแล้วเขายิ่งดูนับวันยิ่งมีความสุขขึ้นทุ กที มันถอยไปเอง มันหมดแรง หมดกำลังนะครับ
ถ้าเขาร้ ายมาก ๆ จริง ๆ โอเคเราอาจจะไม่เห็นผลต่างภายในวันสองวัน แต่เชื่อเถอะว่า
หลายเดือนผ่ านไปหรือว่าเป็นปีนะ ในที่สุดเขาจะอ่อนกำลัง
สรุปคำแนะนำก็คือ ถ้าเราทำความเข้าใจกับกลไกภายในของเราได้ มันมีอิทธิพลให้พฤติก รรม
ของเขาแต กต่างไปได้ด้วย คือเรามีความสุขก่อน แล้วเขาอาจจะได้ทำบ าปน้อยลง
หรือไม่ต้องได้ทำบ าปอีกเลย
ขอบคุณที่มา : ธ ร ร ม ะ ส วั ส ดี