1. มองความดีของผู้ที่เราโกรธ
มองในมุมที่เป็นข้อดี ของเขามอง อ ย่ า ง เปิดใจ
จนสามารถยอมรับ และชื่นชมในความดี ของเขาได้
2. ฝึกเมตตาต่อผู้อื่น
คนสัตว์สิ่งต่าง ๆ รอบตัว พ ย า ย า ม มองโลกนี้ ด้วยใจที่อ่อนโย น
อยู่กับโลกนี้ทำกับโลกนี้เหมือนโลกนี้ เป็น ด อ ก ไม้
ที่บอบบางควรค่า แ ก่ การทะนุถนอม
3. เมื่อโกรธลองฝึกรู้ตัว
ไม่จำเป็นต้องหายโกรธทันที แต่ให้รู้จักหยุดนิ่งแล้วมองมาที่ใจตนเอง
มองให้เห็นความ ชั่ ว ร้ า ย น่า เ ก ลี ย ด ของตนเอง
ปล่อยวางแล้วค่อยๆ แ ก้ ไขปรับปรุง แต่ อ ย่ า ไปรู้สึกอึดอัดกับความไม่ดี
ของตนเองให้เข้าใจว่า ทุ ก คนมีข้อดีข้อ เ สี ย
และเรากำลังฝึก มองตนเองอยู่โดยเฉพาะเวลาโกรธ ขอให้ตระหนักว่า
เป็นเวลาที่ดีที่สุด ในการมองตนเอง
4. เมื่อเจอใครก็ตามลองมองหาข้อดีของเขาให้เป็นนิสัย
มองไปที่หัวใจ ของเขาจนเห็นความงดงา ม
ภายในใจของเขา
5. ให้ อ ภั ย ผู้อื่น
การให้ อ ภั ย เป็นการสร้างสันติภาพ ให้เกิดขึ้นในจิตใจ
ของเราเองเราคือผู้รับประโยชน์ทางตรงส่วนคนที่เรา อ ภั ย
คือผู้รับประโยชน์ทางอ้อม ในทางกลับกันถ้าเรากักเก็บ
ความโกรธแค้นไว้คนที่ เ สี ย ประโยชน์คนแรกก็ คือเราเพราะ
เราคือผู้จุดไฟ เ ผ า บ้ า น แห่งความสันติภาพของตนเอง
6. ลองทำดีกับผู้อื่น
เหมือนทำดีกับตนเอง เก็บของดี ๆ ไว้ให้คนอื่น กินของไม่ดีเก็บไว้
กินเองเข้าร้านหนังสือซื้อเล่มเก่า ๆ มา อ่ า น เล่มดี ๆ
ปล่อยไว้ที่ร้านให้คนอื่ นซื้อทำอะไร
อ ย่ า เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง แต่เก็บสิ่งที่ดี ที่สุดไว้ให้คนอื่น
7. อ ย่ า ไปสนใจเรื่องการอโหสิ ก ร ร ม มากเกินไป
ถ้ายังไม่พร้อมก็ให้ละไว้ อ ย่ า ไปย้ำคิด ย้ำทำ หยุดพูดสิ่งไม่ดี
หยุดทำสิ่งไม่ดีเมื่อใจ ยังให้ อ ภั ย ไม่ได้ ก็ขอให้แขวน
ทุ ก อ ย่ า ง เอาไว้ก่อน
8. ที่อโหสิ ก ร ร ม ไม่ได้ เพราะจิตใจยังไม่ปล่อยวาง
เรื่องที่เกิดขึ้น อ ย่ า ง แท้จริงพูดง่าย ๆ ว่ายังจับสิ่งที่ ผ่ า น ไป
แล้วมาคิดปรุง แต่งซ้ำๆ อ ภั ย วันนี้
พรุ่งนี้คิดอีกก็โกรธอีก พอโกรธแล้วนึกได้ ก็ให้ อ ภั ย
แล้วก็โกรธอีก เพราะแท้จริงแล้วใจ ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่นั่นเอง
9. ยอมรับ
ให้เรา ยอมรับกับใจของเราไป ตามจริงว่าแท้จริงลึก ๆ
เราจะโกรธยังรู้สึก ไม่ดีกับเขาอยู่ให้รู้ว่านี่คืออาการปกติ
ของคนเราไม่ใช่ เรื่องแปลก ทุ ก คน ก็เป็นแบบนี้
มากบ้างน้อยบ้างเราไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว และ อ ย่ า
ไปถามหา เหตุผลขอให้จำไว้ ว่าเมื่อคิดจะให้
อ ภั ย ใคร แล้วก็ อ ย่ า ไป ถามหาเหตุผลถูกผิด
10. ทำใจสบายๆ
มองฟ้ามองดินมองสิ่งต่าง ๆ ด้วยใจเบิกบานทำความเข้าใ จ
ตระหนักให้ชัดเจน ว่าสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอดีต และมันได้ ผ่ า น พ้นไปแล้ว
11. มองเขา
มองผู้อื่นเป็นเพื่อน ทุ ก ข์ เกิด แ ก่ เ จ็ บ ต ๅ ย มอง ทุ ก คนด้วย
ความรักมองว่า เขาก็มี เ ลื อ ดมี เ นื้ อ มี เ จ็ บ ช้ำน้ำใจ ดีใจ เ สี ย ใจ เหมือนเรา
12. มองตัวเองว่าเราเองก็เคยทำ ผิ ด พ ล า ด มาก่อน
เราเองก็ไม่ได้ดีไปทั้งหมด และเราก็
เคยทำให้คนอื่น เ สี ย ใจเหมือนกัน
จงมองโลก อ ย่ า ง ผู้ตื่นมอง ด้วยสติปัญญา
อ ย่ ามองด้วยอัตตา เราจะเห็นความธรรมดา ของตนเองและเห็นความธรรมดาของผู้อื่น
เราจะเห็นความจริงที่ว่าเรามาอยู่โลกนี้
เพียง ชั่ ว คราวและไม่ใช่ใครยิ่งใหญ่ที่ไหน แต่เป็นแค่คนธรรมดาสุข ทุ ก ข์ ของเรา
ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือ แ ต ก ต่างไปจากใครแต่เป็นแค่เรื่องธรรมดา
มองตนเองให้เล็กเข้าไว้ อ ย่ า ให้ความสำคัญกับตนเองมากนักอยู่ อ ย่ า ง คนธรรมดา
คนหนึ่งที่เกิดมาบนโลก อยู่ อ ย่ า ง อ่อนน้อมถ่อมต นต่อโลก
สุขบ้าง ทุ ก ข์ บ้างก็เข้าใจ และเรียนรู้ไปแม้มีคนอื่นทำเรา เ สี ย ใจ ก็ไม่แปลกโลกนี้
มีคน เ สี ย ใจ ทุ ก วัน แค่บังเอิญ วันนี้มันเกิดขึ้น กับเราเท่านั้นเอง
ขอบคุณ เรื่องที่ อ ย า ก รู้