คนไม่รู้เรื่อง ถึงเราจะพูดจน ต า ย เขาก็ไม่เข้าใจคนที่คิดไม่ได้
ถึงเราจะพูดจน ต า ย เขาก็ไม่รู้เรื่อง
เรายิ่งพูดก็ยิ่งมีเรื่อง เรายิ่งพูดเขาก็ยิ่งไม่พอใจยิ่งอึดอัดรำคาญ
ยิ่งโกรธเกลียดเราปล่อยให้เขาเป็นไปตามก รรม
ที่เขาเคยทำไว้เถิดความเ ดือดร้อน ความฉิ บห ายที่เขาได้รับ
คือ “ประสบการณ์” ที่จะสอนเขาเอง
ถ้าเขาไม่เจอเอง เขาไม่เ ดือดร้อน เขาไม่ฉิ บห าย ถึงเราจะบอกเขายังไง
เขาก็ไม่มีวันเข้าใจ อย่ ายัดเยียดสิ่งที่เราคิดว่าดี
ให้แ ก่คนที่ไม่ต้องการ เพราะนั่นคือการสร้างความไม่พอใจให้แ ก่เขา
อย่ าลืมว่า ก รรมใครก็เป็นของคนนั้น
อย่ ายึดมั่นและจับตาดูผู้อื่น (หลวงพ่อชา สุภัทโธ)
การยัดเยียดเนื้ อที่แสนนุ่มอร่อยให้แ ก่ ควาย
การยัดเยียดผลไม้ที่หอมหวานให้แ ก่ เสือ
การยัดเยียดสิ่งที่เราคิดว่าดีให้แ ก่ คนที่ไม่ต้องการ
มันเป็นการกระทำของคนโ ง่ เป็นนิสัยของคนที่ไม่เชื่อ
กฎแห่งก รรม (เชื่อแต่ปาก)
คำว่า “หวังดี” คำว่า “เป็นห่วง” มันเป็นคำข้ออ้างของเรา
ที่อย ากจะเปลี่ยนพฤติก รรมของเขา ให้ได้ดั่งใจเราใช่ไหม ?
ใครมีก รรมแบบไหน เขาย่อมเป็นแบบนั้น
ถ้าการสอน การบ่น การด่า มันเปลี่ยนชะตาก รรมของคนอื่นได้
คงไม่มีลูกหลานใคร ติ ดย า ติ ดเกมส์ ก้ าวร้ าว และเสี ยคนจริงไหม ?
เคยคิดบ้างไหม ทำไมพี่น้องของเราถึงมีนิสัยสั นด านไม่เหมือนกัน
ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ก็สอนให้เป็นคนดีเหมือน ๆ กัน ?
เราดีแต่จัดการคนอื่นให้เป็นดั่งที่เราคิด
แต่ไม่เคยจัดการกับความคิดของตนใช่ไหม ?
เราฝึกตน สอนตนไม่ได้ เราไปสอนคนอื่นทำไม ?
เราควบคุมอ ารมณ์ของตนไม่ได้ เราไปควบคุมคนอื่นทำไม ?
เรายังจัดการตัวเองไม่ได้ เราไปจัดการคนอื่นทำไม ?
ถ้าเราต ายเขาก็อยู่กันได้ เราหัดปล่อยวางบ้างได้ไหม ?
เราจะให้แต กแยกก่อนใช่ไหม เราถึงจะหยุดจัดการคนอื่น ?
อนาคตของเรา เรายังไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน
แล้วจะไปห่วงอนาคตของคนอื่นทำไม
ขอบคุณที่มา : ธ ร ร ม ะ ส วั ส ดี