ก าลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลางผืนป่าอันแสนร่มรื่นอุดมสมบูรณ์มีต้นโอ๊กใหญ่ยืนแผ่กิ่งใบอย่ างสง่างาม
จนสัตว์ป่าที่ผ่ านไปมาได้อาศัยพักพิงอีกทั้งสัตว์เหล่านั้นก็ชื่นชมในความแข็งแกร่งของมัน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้นโอ๊กรู้สึกภาคภูมิใจนานวันเข้า จากการภูมิใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความลำพองตน
คิดว่าตัวเองมีอำนาจถึงขั้นเป็นที่พึ่งพาแ ก่คนอื่นได้
“สวัสดีเจ้าต้นอ้อน้อย เจ้านี่ช่างตัวเล็กบอบบางเหลือเกินนะ สบายดีหรือไม่ล่ะ”
“สวัสดีคุณต้นโอ๊กสูงใหญ่ ฉันสบายดีและสุขใจมาก ถึงจะตัวเล็กบอบบางแต่ก็ไม่เป็นอะไร”
ต้นอ้อกล่าวตอบต้นโอ๊กด้วยน้ำเสี ยงสดใสและถ่อมตน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ อย่ างนั้นหรือ ทั้งรากอันแสนสั้นกับลำต้นที่เปราะบางจนปลิวไปมาแม้ลมพัดเบา ๆ เจ้าจะมีความสุขได้อย่ างไร”
ต้นโอ๊กกล่าวด้วยความสงสัย พลางขำขันไปด้วย พร้อมหันมาพูดต่อ
“ลองยืดรากลงดินแล้วยืดลำต้นให้สูงเท่าฟ้าแบบเราดูสิ ต่อให้มีอั นตร าย มาถึงตัวแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ต้นอ้อได้แต่รับฟังเงียบ ๆ ไม่โต้ตอบอะไรสักนิดอยู่มาวันหนึ่ง พายุลูกใหญ่ได้เคลื่อนผ่ านป่าแห่งนี้
ทั้งลมและสายฝนพัดกระหน่ำอย่ างรุน แรง แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทำเอาสิ่งมีชีวิตในป่าต่างหนีหลบภั ยด้วยความหวาดกลั วเหลือแค่ต้นโอ๊กใหญ่ที่เชื่อมั่นว่าพายุจะทำอะไรตนไม่ได้
“ลมพัดแค่นี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ต้นเราใหญ่โตแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่มีทางล้ มลงแน่นอน”
ด้านต้นอ้อผู้บอบบางไม่นึกหวั่นอะไรมากเพราะตัวมันเองก็ลู่ไปตามลมได้ตลอดเวลา
ไม่คิดขัดขืนอะไรลมแรงแค่ไหนก็ทำอันตร ายต้นอ้อไม่ได้ต้นโอ๊กใหญ่เห็นต้นอ้อเอนไปเอนมาแบบนั้นเลยหัวเราะใส่พร้อมพูดถากถาง
“โ ธ่ เจ้าต้นอ้อกระจิริดเอ๋ย ยอมแพ้เสี ยเถิด ลมแรงขนาดนี้เจ้าคงไม่รอดหรอกมัวแต่เอนไปเอนมาเสี ยเวลาเปล่า”
พูดไม่ทันขา ดคำต้นโอ๊กใหญ่ก็ล้ มลงรากที่ฝังอยู่ใต้ดินลึกก็โผล่มาให้เห็นด้วย
ส่วนต้นอ้อก็ยังปลิวไหวไปตามลม จนกระทั่งพายุพัดผ่ านไปอีก 2 – 3 วันต่อมาชาวบ้านผ่ านมาเห็นต้นโอ๊กที่ล้ มลง
จึงเอาเลื่อยมาตัดไม้ เพื่อเก็บไว้ใช้สอยและสร้างบ้านเรือนทิ้งไว้เพียงพื้นที่ว่างเปล่าอันเคยมีต้นโอ๊กตั้งอยู่
ส่วนต้นอ้อผู้อ่อนโยนและโอนอ่อนไปตามลมก็ยังคงยืนต้นอย่ างสำราญไปอีกนานแสนนาน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
สถานการณ์ ย่อมผ่ านพ้นเรื่องต่าง ๆ ไปได้ด้วยดีกลับกันคนที่แข็งกระด้างไม่ยอมปรับตัว
มักจะต้องแพ้ภัยจนไปไม่รอดเอง
ขอบคุณที่มา : forlifet