สำหรับเรื่องนี้อย ากให้ค่อย ๆ อ่ านอย่ างช้า ๆ และทำความเข้าใจไปด้วยหวังว่าอ่ า นจบแล้ว
จะได้ข้อคิดอะไรกลับมาหลายอ ย่ า งเลยโดยเฉพาะคนเป็นลูกอย า กให้ทุ กคนได้อ่ านกัน เรื่องก็มีอยู่ว่า
มีนักโ ท ษคนหนึ่งชื่อ หลัวกัง ซึ่งเขาได้ติ ดคุ กอยู่หลายปีแล้วและไม่มีใครมาเยี่ยมเลยสักครั้ง เขาก็เห็นนั ก โ ท ษคนอื่น ๆ
มีญาติมาเยี่ยมพร้อมเสบียงอาหารมากมายเขาเลยได้เพียรเขียนจดหมายถึงพ่อ แม่ วอนให้มาเยี่ยมตนบ้าง
เขาได้ส่งจดหมายไปหลายฉบับแต่ก็ไม่มีออะไรเกิดขึ้น ทุ กอ ย่ า งยังคงเงียบเหมือนเดิมเขาเลยคิดว่าพ่อ แม่
คงตัดข าดจากเขาแล้ว เลยรู้สึกน้อยใจและเสี ยใจเป็นอ ย่ า งมาก
เขาเลยตัดสินใจเขียนจดหมายอีกครั้งโดยบอกว่า “หากไม่มาเยี่ยมอีก พวกเขาได้เสี ยลูกชายคนนี้ไปแน่นอน”
และเขาก็ไม่ได้ขู่พ่อแม่เพียงเล่นๆ เท่านั้นเพราะเขาถู ก นั กโท ษอีกหลายคนที่ต้องโ ท ษฉ ก ร ร จ์ชวนให้แหกคุ ก
และด้วยความที่น้อยเ นื้ อ ต่ำใจ
อ ย่ า งมากที่โดนพ่อแม่ทั้ง เขาจึงรับคำชักชวนเหล่านั้นในขณะที่พวกเขานั่งคุยกันวางแผนการแ ห ก คุ ก
ก็มีเจ้าหน้าที่มาแ จ้ ง ว่ า “นัก โ ท ษห ลิ วกั ง มีคนมาเยี่ยม” ซึ่งก็สงสัยว่า
ใครกันที่มา พอถึงห้องเยี่ยมก็ต้องต กใจ “แม่”ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียวแม่เปลี่ยนไปมาก เขาจำหน้าแม่แทบไม่ได้เลย
ทั้งที่อายุแค่ 50 กว่า ๆ เท่านั้น หั ว แ ม่ ขาวโพลนไปหมด หลังค่อมเหมือน กุ้ ง ผอม
จนโ ท ร มแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลยเสื้อผ้ าก็เ ก่า ข าดรุ่ ง ริ่ ง ไปหมด เท้าเปลือยเปล่า รองเท้าไม่มีใส่ ตัวมีแต่
ร อ ย แ ผ ล ถ ล อ กมีคราบ ส กป รก เ ลื o ด แ ห้ งเกาะเต็ม และข้าง ๆ แม่มีกระสอบเก่า ๆ อยู่ 2 ใบ
เขาต กใจกับสภาพแ ม่ ที่เห็นมาก แม่น้ำต าเ อ่ อ ล้ นออกมาแล้วพูดกับเขาว่า “ลูกสบายดีไหม จดหมายที่ลูกส่ง
ไปบ้านแม่ได้รับทุ กฉบับ อ ย่ าว่ าแม่ใ จ ร้ า ยเลยนะ
แต่มันป ลี ก ตั วออกมาเยี่ยมลูกไม่ได้จริง ๆ พ่อแกป่ ว ย ห นั กแม่ต้องดูแลเขา แล้วระยะทางจากบ้านมาที่นี่ก็ไกลโขอยู่”
ในระหว่างที่คุยกันนั้นเจ้า หน้ า ที่ก็ ยก ช าม บะหมี่ร้อน ๆ มาให้ แล้วพูดว่า
“คุณป้าครับ เดินทางมาไกล กินบะหมี่ก่อนแล้วค่อยคุยต่อ” ซึ่งแม่ก็ลุกขึ้นแล้วปฏิเ ส ธว่า “ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้”
หั วห น้ า ยื่นชามใส่มือแม่แล้วพูดว่า
“คุณป้าก็อ า ยุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ผม คุณป้าไม่ต้องเกรงใจ นึกเสี ยว่ากินบะหมี่จากลูกหลานสักชามก็แล้วกัน”
แม่เลยไม่ปฏิเสธอีก รับมาแล้วก็ก้มห น้ า ก้ มตากิน อ ย่ างเอร็ดอร่อยมาก
คล้ายกับว่าไม่ได้กินมาหลายวันมาก ๆหลังแม่ทานข้าวอิ่มเขาก็ถามแม่ว่า “เ ท้ าแม่เป็นอะไร ทำไมไม่ใส่รองเท้า”
แม่ไม่ได้ตอบแต่ หั ว ห น้ าชิ งตอบก่อน
“แม่แกเดินเท้าจากบ้านมาถึงนี่ รองเท้าสึกจนข าดก ร ะ จุ ย ห ม ด ระ หว่ า งทาง” เขาก็ต กใจ “แม่เดินมา” หลิงกังหวนนึกถึง
เส้นทางจากบ้านมาถึงนี่ก็ประมาณ 200 กิโลเมตรเห็นจะได้ แถมเส้นทางก็เป็นภู เข าหิน
เขานั่งลงกับพื้นแล้วประคองเ ท้ าแม่ที่บ ว มแทบไม่เป็นรูปทรงขึ้นมาเบา ๆ “แล้วทำไมแม่ไม่นั่งรถมา ทำไมไม่ซื้อรองเท้าใส่อีกสักครู่”
แล้วแม่ก็ดึงเท้ากลับแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “นั่งรถทำไม ค่อย ๆ เดินมาก็ได้อยู่
เ อ อ ปีนี้เ กิ ดโ ร ค ระ บ า ด คนในห มู่บ้าน ต า ย หมด ฝนก็แล้งเก็บเกี่ยวไม่ค่อยได้ พ่อแกก็ ป่ ว ย ห นั ก เสี ยเ งิ นรั ก ษ าไปเยอะ
หากพ่อแกอ า ก ารดีกว่านี้พวกเราคงมาเยี่ยมลูกนานแล้ว อ ย่ าโกธรพ่อ แม่เลยนะ”
หัวหน้าก็ยืนฟังอยู่ข้างๆ มีแอบเช็ดน้ำตา แล้วก็เดินออกจากห้องไป“แล้วอาการพ่อดีขึ้นหรือยัง?” เขายังไม่ได้ยินคำตอบจากแม่
พอเงยหน้าก็เห็นแม่เช็ดน้ำตาอยู่
“ผ งมั นคงเข้าต า ถามถึงพ่อใช่ไหม พ่อดีขึ้นเยอะแล้วพ่อฝากมาบอกว่า อ ย่ าได้เป็นห่วงพ่อ ขอให้ลูกกลับเนื้ อ กลับตัวเป็นคนดีก็พอ”
แล้วหัวหน้าก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมคูปองของสหกรณ์คอมมูนที่เอาไว้แลกเสบียงอาหาร
และของใช้จำเป็นยื่นให้แ ก่แม่หลิวกังจำนวนหนึ่ง
“คุณป้าครับ นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อยๆจากเจ้าหน้าที่ของเราทุ กคนที่นี่ อ ย่ าเดินเท้าเปล่ากลับบ้านเด็ดข าด ไม่งั้นหลิวกังคง ทุ ก ข์ใจแน่ ๆ ”
เขาก็ปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่ได้หรอกลู ก ฉั น พักที่นี่ รบกวนพวกคุณมากแล้วหากรับเงิ น
จากคุณอีกก็เหมือน ส า ป แ ช่ งตัวฉันเองว่าไม่รู้บุ ญ คุ ณ”
แล้วหัวหน้าก็บอกว่า
“คนเป็นลูกไม่มี ปั ญ ญ าดูแลพ่อแม่ แล้วยังทำให้ท่านต้องห นั ก อ กห นั ก ใจ อีก นี่ยังต้องเดินเท้าเ ป ล่ า
ตั้งหลายกิโลเพื่อมาเยี่ยมลูกหากต้องเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน หลิวกังก็คงไม่เหลือความเป็นม นุ ษ ย์ อยู่ในตัวแล้ว”
หลิวกังนั่งร้องไห้ พูดเสี ยงสั่นเ ค รื อว่า “แม่”และยังมีเสี ยงร้องไห้ระ ง มจากนั ก โ ท ษคนอื่นที่เจ้าหน้าที่ให้มาสังเกต การณ์
การเยี่ยม และมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ตรวจสอบสัมภาระของญาติ ก็ให้ผ่ านเข้ามาง่าย ๆ เขาก็ได้แกล้งพูดว่า
“อ ย่ าร้องไห้เลยแม่มาเยี่ยมก็ควรดีใจ ยิ้มกันให้มากกว่านี้ แกดูสิว่าแม่เอาอะไรมาฝากบ้างหลิวกัง”
พอพูดจบเขาก็คว้ากระสอบใบแรกแล้วเทของออกมา แม่ห้ า มไม่ทัน
ทุ กคนก็หันไปเห็นอึ้ ง กันหมด ซึ่งในนั้นมี หมั่นโถวแห้งๆ
ขนมปังแผ่นแข็ง ๆ ที่แต กหักไม่ต่า งจ า กก้อนหินเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ใครเห็นก็มองออกว่า
คงเป็นเสบียงที่แม่นั้นได้ขอมาตลอดทาง แม่รู้สึก อ า ยแล้วพูดว่า
“ลูกจ๋า อ ย่ า โ ท ษ แม่เลยนะที่ต้องทำแบบนี้ ที่บ้านไม่สามารถหาอะไรมาให้ลูกได้จริง ๆ ”
หลิวกังเหมือนยังไม่ได้ยินที่แม่พูด ส า ย ต ายังจับจ้องไปที่ของในกระสอบ
ส่วนกระสอบใบที่สองมันเป็นกล่องใส่อัฐิกล่องหนึ่ง หลิวกังก็งงไปหมดแล้วถามแม่ว่า “นี่มันอะไรกัน”
แล้วแม่ก็ท รุ ดลงอ ย่ า งหมดแรง เ นื้ อ ตั ว สั่ น รออยู่นานแล้วแม่ก็พูดว่า “นั่นคืออัฐิของพ่อแก”
เพราะอย ากจะรวบรวมเงิ นเพื่อเดินทางมาเยี่ยมลูก พ่อเลยยอมทำงานหนักทั้งวันทั้งคืนร่ างกาย
เลยรับไม่ไหวสุดท้ายก็ล้ ม ป่ ว ยลง รั ก ษ ายังไงก็ไม่ดีขึ้นและสุดท้ายก็ ต า ยแต่พ่อก็บอกว่า
“พ่อคงน อ น ต า ย ต าไม่ ห ลั บแน่ เพราะไม่เคยมาเยี่ยมลูกสักครั้ง”
เลยบอกแม่ว่า “แม้เขา m ายไปแล้วก็ขอให้แม่พามาเยี่ยมลูกให้ได้ ขอพบหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้ายในชาตินี้”
หลิวกัง ตั ว สั่ น แ ร ง สะ อื้ นหนักมากพร้อมน้ำตาไหลพ ร า ก “พ่อครับ ผมกลับเนื้ อกลับตัวแน่นอน พ่อ อ ย่ า
ได้เป็นห่วง ผมขอโ ทษ” แล้วเขาก็ทิ้งตั วคุ ก เข่ าลงกับพื้นอย่ างแรง เหล่านั ก โ ท ษ คนอื่น ทรุ ดตามและร้อง
ไห้ กัน ระ ง มจากเรื่องนี้คงจะได้เตื อนสติให้กับหลายคนได้ ว่า
อ ย่ าได้สร้างความหนักอ ก ห นั กใ จให้แ ก่พ่อแม่มากนัก ควรจะทำตัวเป็นคนดี เป็นลูกที่ดีดูแลท่านให้ได้ตามกำลังที่มีไม่ทำอะไรให้ท่านต้อ ง
เ ดื อ ดร้อนและคิดมากตามไปด้วยการที่มีเราเกิดมาก็เพราะพวกท่าน อ ย่ าลื ม ตอบแทนบุญคุณท่านตอนที่ท่านยั งมีชี วิตอยู่
ขอบคุณที่มา : sabuyjaijung