ต้องเข้าใจก่อนว่า ในสมัยก่อนนั้นมีแนวคิดที่ว่า มีลูกเพื่อหวังจะให้พวกเขา
เลี้ยงดูใน ย า ม อายุมากขึ้นในวัยที่ ร่ า ง ก า ย
เริ่มโรยราดูแลตัวเองไม่ไหวแล้ว ซึ่งก็มักจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ว่าหากจะมอง
ในความเป็นจริงแล้วมันยังจะใช้ความคิดแบบนี้ได้อยู่ไหม
“ มีลูกไว้… ตอน แ ก่ จะได้มีคนเลี้ยงดู ” ซึ่งมันจะแปลได้อีกทางว่า
หากลูกไม่ยอมเลี้ยงดูคืออกตัญญู อ ย่ า ง นั้นหรือ
แบบนี้เป็นแนวคิดที่เห็น แ ก่ ตัวของพ่อแม่ไปหรือเปล่า
ในปัจจุบันนี้ก็มีคนวัยชรา หลายคนมากที่เข้ากับครอบครัวของลูก ๆ
ไม่ได้ บางทีความคิดแบบเดิมมันอาจจะต้องปรับแล้วก็ได้ ทำไมไม่คิดว่า อ ย า ก
จะให้ลูกเลี้ยงดูในตอน แ ก่ เป็นการ จะเอาสมัยก่อนกับปัจจุบันมาเที่ยวกันมันไม่ได้
ที่พ่อแม่มีลูกตั้งหลายคนยังเลี้ยงได้
ทำไมลูกเลี้ยงพ่อแม่บ้างไม่ได้ ซึ่งมันก็อาจจะน่าคิด แต่ลองมองถึง
ค่าครองชีพและการใช้ชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน
สิมันเหมือนสมัยก่อนงั้นหรือ เรามีเรื่องราวน่า อ่ า น
และอย ากให้ ทุ ก คนทำความเข้าใจตาม
ทั้งในมุมของคนเป็นพ่อแม่ และในมุมของความเป็นลูก
เรื่องราวมี ดังนี้มีคุณแม่คนหนึ่งสามีจากไปนานแล้ว
เธอสอนหนังสือหา เ งิ น เลี้ยงลูกชายจนโต เขาเป็นคนเชื่อฟัง
ตั้งแต่ตอนเล็ก พอลูกโตเธอก็ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ พอลูกเรียนจบ
ก็อยู่ทำงานต่อที่ต่างประเทศ ทำงาน หา เ งิ น ซื้อบ้าน แต่งงาน
มีลูกหนึ่งคน สร้างครอบครัวที่แสนสุข ตัวเธอเองคิดถึงประโยคที่ว่า
มีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอน แ ก่ คิดถึงสายตา อิ จ ฉ า
ของญาติๆและเพื่อนฝูง เธอมีความสุขจากใจ ระหว่างรอจดหมายตอบ
จากลูกชาย เธอก็จัดการเรื่องบ้านและงานจนเรียบร้อย
คืนสุดท้ายก่อนเธอจะเกษียณ เธอก็ได้รับจดหมายที่ส่งมาจากต่าง
ประเทศของลูกชาย พอเปิดออกดูข้างในก็เป็นเช็คต่างประเทศ ตีเป็น เ งิ น ไทย
ได้มูลค่าประมาณ 1 แสนบาท เธอรู้สึกแปลกใจมาก เพราะลูกชายไม่เคยส่ง
เ งิ น ให้เธอมาก่อน เธอรีบเปิดจดหมายออกอ่ า น ในจดหมายเขียนว่า
“แม่ครับ พวกเราได้คุยกันแล้ว ตั ด สินใจและสรุปว่า พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่ด้วยกันที่นี่
ถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูผมมา คำนวณตามราคาตลาด
ก็ประมาณ เ งิ น ที่ผมส่งให้นี้ หวังว่าต่อไปนี้แม่จะไม่เขียนจดหมายมาอีก”
แม่ อ่ า น จดหมายฉบับนั้นจบก็น้ำตาไหลพรากรู้สึกว่าตัวเองลำบากเลี้ยงลูกคนเดียว
มาตลอดชีวิต จากนี้ไปต้องอยู่อย่ างโดดเดี่ยว เธอรู้สึก แ ย่ มาก จากแต่
ก่อนที่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับลูก แต่มาตอนนี้กลับไมาเหลืออะไรอีกแล้ว ต่อมาเธอก็
ศึกษา พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น าหลังศึกษา เธอก็คิดได้ เธอใช้ เ งิ น ที่ลูกได้มอบให้มาเอาไป
เดินทางเที่ยวรอบโลก ได้เรียนรู้โลกกว้าง
ได้เห็นสิ่งใหม่ๆมากมาย หลังจากนั้นเธอจึงเขียนจดหมายหนึ่งฉบับถึงลูกชาย ในจดหมาย
ว่าลูกรัก ลูกไม่ อ ย า กให้แม่เขียนจดหมายมาอีก ก็ถือซะว่าจดหมายฉบับนี้เป็นข้อความ
เพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วละกัน แม่ได้รับเช็คแล้ว
และใช้ เ งิ น จำนวนนั้นไปเดินทางรอบโลก ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว อยู่ๆแม่ก็รู้สึกว่า
แม่ควรขอบใจลูก ขอบใจที่ทำให้แม่เห็นอะไรทะลุปรุโปร่ง ปล่อยวาง ทำให้แม่ได้เห็นว่า
ความสัมพันธ์ในครอบครัวเพื่อน และคนรักไม่มีรากหยั่งลึก เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ ต ก ยังยึด ติ ด ยัง ทุ ก ข์ อยู่ แม่คงสิ้นลมหายใจไปภายในปีครึ่งปี
การปฏิเสธของลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเรามีวาสนาก็ได้เจอ หมดวาสนาก็จากกัน
ทุ ก อ ย่ า ง ไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบและใจเย็น มอง ทุ ก อ ย่ า ง ในเชิงบวก
แม่ไม่มีลูกแล้ว ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง เพราะงั้นแม่ถึงสามารถอยู่ได้โดยไม่มีมัน “พ่อแม่ที่น่า ส ง ส า ร ”
คนเป็นพ่อแม่อย ากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดมีคน
กล่าวไว้ว่า บ้านของพ่อแม่คือบ้านของ
ลูกตลอดเวลา บ้านของลูกไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่ การให้กำเนิดลูกเป็นงานที่ต้องทำ
การเลี้ยงดูลูกเป็นภาระหน้าที่การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจผิด ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าฟัง
แต่ ก็ไม่ฟังก็ไม่ได้ แม้ว่าไม่ใช่ลูก ทุ ก คนจะเป็นแบบนี้
แต่คนเป็นพ่อแม่ไม่ควรคิดว่า แ ก่ แล้วจะพึ่งพาลูก พูดกันตามตรง อย่ าคาดหวังอะไรจากลูกๆ
แม้คุณจะเลี้ยงดูเขามาอ ย่ า ง ดีแล้ว ก็ตาม ต้องฝึกดูแลตัวเอง ลูกกตัญญูต่อคุณถือเป็นบุญ
ถ้าลูกกตัญญูไม่พอพ่อแม่ก็บังคับไม่ได้ วิ ธี
ที่ดีที่สุดคือ วางแผนชีวิตพึ่งพาตัวเองตอน แ ก่ ไว้จากมุมมองของสังคม การมีลูกจะได้มีคนเลี้ยง
ตอน แ ก่ เป็นความปรารถนาในใจแต่ในยุคปัจจุบัน เศรษฐกิจ สังคม วัตถุนิยม วิถีการดำเนินชีวิต
ที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ในปัจจุบันคือ คนยุคใหม่เปลี่ยนไป
คนอายุมากยังยึด ติ ด การที่คนอายุมากยึดแนวความคิดว่ามีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอน แ ก่ ไม่เหมาะ
สมกับอีกต่อไปสิ่งที่ตามมาคือ ความผิดหวังบนความคาดหวังที่ไม่สามารถคาดเดาได้ พ่อ แม่
ทวงบุญคุณกับลูกได้แต่มันไม่ใช่ลูก ทุ ก
คนที่มีศักยภาพพอที่จะดูแลพ่อแม่ได้ เพราะเพียงแค่ชีวิตและครอบครัวของเรามันก็ ต้องดูแล
เช่นกัน การวางแผนดูแลตัวเองตอนแ ก่ จึงเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อ แม่คนควรวางแผนและอย่ า
ฝากความหวังทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่
ลูกได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของลูกที่ดูแลคุณไม่ได้ แต่มันผิดที่คุณ
ที่ไม่ยอมดูแลตัวเองต่างหาก ฝากไว้ให้คิดกันนะ
ที่มา b i t c o r e t e c h